fbpx

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

ในปัจจุบันการปรับรูปทรงปากเป็นทรงกระจับ ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย แต่หลายคนยังไม่ทราบว่าการปรับรูปทรงปาก ไม่ได้มีแค่การผ่าตัดเพียงอย่างเดียว ยังมีเทคนิคการฉีดสารเติมเต็ม เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  เรามาดูความแตกต่างในแต่ละวิธีกันนะครับ

1.การปรับรูปทรงริมฝีปากโดยการฉีดสารเติมเต็ม (Lip Augmentation)

เทคนิคนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปทรงให้เป็นติ่งกระจับตรงกลางปากและเพิ่มความอวบอิ่มของริมฝีปากไปในตัว จึงนิยมใช้ในเคสที่ริมฝีปากไม่หนา หรือริมฝีปากบาง หรือในเคสที่ไม่ต้องการผ่าตัด โดยสารเติมเต็มที่นิยมใช้ในปัจจุบัน คือ ฟิลเลอร์ หรือ ไขมันตนเอง

ปรับรูปทรงปากกระจับ ไม่ได้มีแค่ผ่าตัด

การฉีดฟิลเลอร์

ข้อดี

  1. ง่าย สะดวก สวยด่วนกว่า
  2. ย่อยสลายได้ (ถ้าใช้ของดี ผ่าน อย. และ แหล่งผลิตได้มาตรฐาน)
  3. ไม่ต้องพักฟื้น

ข้อเสีย

  1. ราคาแพง (ถ้าใช้ของที่มีคุณภาพ)
  2. เป็นสารสังเคราะห์ไม่ใช่ของเราเอง

การเติมไขมัน

ข้อดี

  1. เป็นสารธรมชาติของเราเอง จึงไม่ก่อให้เกิดการแพ้
  2. สามารถเติมทั่วหน้าได้โดยไร้ความกังวล
  3. ถ้าเกิดติด (Take Graft) จะอยู่ตลอดชีวิต
  4. ราคาสบายกระเป๋า

ข้อเสีย

  1. ผลของการฉีดไขมัน การอยู่รอดขึ้นอยู่กับแต่ละ. บุคคลและ เทคนิคของแพทย์
  2. อาจมีอาการบวมช้ำประมาน 7-10 วัน
ความแตกต่างระหว่างฟิลเลอร์และการเติมไขมันของตัวเอง

2.การปรับรูปทรงริมฝีปากโดยการผ่าตัด(Lip Reshaping Surgery)

สำหรับวิธีเหมาะสำหรับเคสที่ต้องการปรับรูปทรงริมฝีปากอย่างถาวร หรือในเคสที่ริมฝีปากผิดรูปจากอุบัติเหตุหรือเป็นแต่กำเนิด โดยเทคนิคการผ่าตัดนั้น จะแบ่งคนไข้ออกเป็น 2 กลุ่ม

2.1.เคสที่ริมฝีปากหนา ผ่าตัดเป็นรูปทรงกระจับได้เลย (Thick Lip)

ริมฝีปากลักษณะนี้จะใช้การผ่าตัดเนื้อริมฝีปากออกเป็นรูปทรงกระจับ แล้วเย็บแผลตามปกติ

ปรับรูปทรงปากกระจับ ไม่ได้มีแค่ผ่าตัด

2.2 เคสที่ริมฝีปากบาง(Thin Lip)

หมอจะเลือกใช้การผ่าตัดเนื้อริมฝีปากออกให้น้อยที่สุด และใช้เทคนิคย้ายชั้นไขมันริมฝีปาก หรือกล้ามเนื้อริมฝีปากจากด้านข้างไปเติมตรงกลางริมฝีปาก(Tranpositional Lip flap) เพื่อสร้างติ่งกระจับ แต่ในกรณีที่ริมฝีปากบางเกินไป อาจต้องเลือกใช้วิธีเติมสารเติมเต็มแบบต่างๆแทนครับ

ปรับรูปทรงปากกระจับ ไม่ได้มีแค่ผ่าตัด