สาเหตุของความหย่อนคล้อยบนใบหน้า
และลำคอ แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ดังนี้
บริเวณใบหน้าและลำคอจะมีกล้ามเนื้อ 2 กลุ่มหลัก ๆ ที่มีแรงดึงระหว่างกัน แบ่งเป็นกล้ามเนื้อกลุ่มดึงหน้าขึ้น (Elevator Muscle) และกล้ามเนื้อกลุ่มดึงหน้าลง (Depressor Muscle) โดยถ้าหากกล้ามเนื้อกลุ่มดึงหน้าลงมีแรงดึงที่มากกว่าก็จะทำให้ใบหน้าและลำคอหย่อนคล้อยนั่นเอง
เมื่อเรามีอายุเพิ่มมากขึ้น โครงกระดูกบนใบหน้า (Facial Bone) รวมถึงกระดูกส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย จะมีขนาดเล็กลงจากกระบวนการสลายของกระดูกที่มากกว่าการสร้างมวลกระดูก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ผู้ที่สูบบุหรี่จัด และผู้ที่มีความเครียดสูง
การที่โครงกระดูกบนใบหน้าเล็กลงจะทำให้เกิดผลกระทบตามมาหลายอย่าง เช่น
- โครงหน้ายุบลงจนทำให้ใบหน้าดูตอบ และส่งผลให้เอ็นที่ทำหน้าที่ยึดใบหน้าหย่อนยานตาม
- โหนกกระดูกบางตำแหน่งที่ทำหน้าที่ค้ำยันใบหน้าเล็กลง เช่น โหนกแก้มที่ค้ำยันผิวหนังใต้ตาไว้จะมีมวลกระดูกเล็กลง ทำให้ผิวหนังใต้ตาหย่อนคล้อยลงมา
นอกจากนี้ เมื่อเราอายุเพิ่มมากขึ้น แกนกระดูกบนใบหน้าของคนเราจะหมุนทวนเข็มนาฬิกา ทำให้บริเวณใต้ตาและแก้มยุบลง ปลายจมูกงุ้ม และปลายคางเตี้ยลงอีกด้วย
เอ็นที่ยึดระหว่างผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังกับกระดูกบนใบหน้า (Facial Ligament) จะเปรียบเสมือนกับ “ตะปู” ที่ตอกยึดหน้าเราไว้ให้อยู่กับที่ ซึ่งจะมี 3 จุดที่แข็งแรงเป็นพิเศษ และหย่อนช้ากว่าเอ็นบริเวณอื่น ๆ ตามรูปภาพ เพื่อไม่ให้ผิวหน้าของเราหย่อนคล้อยลงมา
อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น เอ็นเหล่านี้จะเริ่มหย่อนยาน ใช้การไม่ได้ มีแรงยึดเกาะน้อยลง ทำให้ผิวหนังและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ก็จะตกและย้อยลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก และทำให้เราดูแก่กว่าวัยนั่นเอง
เทียบให้เห็นถึงความแตกต่าง ของเทคนิค "ดึงหน้า"
อย่างไรก็ตามการผ่าตัดนี้จะอยู่ในระดับที่ลึกกว่าชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับเส้นประสาทใบหน้า รวมถึงเส้นเลือดต่างๆ ทำให้ต้องอาศัยเวลาผ่าตัดที่ยาวนานกว่า และอาศัยต้องอาศัยประสบการณ์ ทักษะความเชี่ยวชาญ และความเป็นศิลปะของศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดเป็นอย่างมาก เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเทคนิคการดึงหน้าแบบเดิม ๆ แต่ยังคงความปลอดภัยของการผ่าตัดได้มาตรฐานสากลเช่นเดิม
Modified Deep SMAS facelift (Modified extend / High SMAS Deep Plane Face Lift) ดึงใต้ชั้น SMAS |
SMAS Lift surgery |
Subcutaneous |
|
ระดับชั้นลึกของการผ่าตัด |
ใต้ต่อชั้น SMAS |
บนชั้น SMAS |
ใต้ผิวหนัง ชั้นไขมันตื้น |
ความซับซ้อนในการผ่าตัด |
ซับซ้อนมาก |
ใกล้เคียงเทคนิค skin lifting |
ไม่ซับซ้อน |
ระยะเวลาในการผ่าตัด |
มากกว่า 6 ชม. |
4 – 6 ชม. |
น้อยกว่า 4 ชม. |
ผลลัพธ์การยกกระชับ |
เห็นผลชัดเจน โดยเฉพาะร่องแก้ม ใบหน้าส่วนกลางและร่องน้ำหมาก จะถูกดึงได้มีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีอื่น กรอบหน้าจะคมชัดเจน |
ยกกระชับมากกว่าเทคนิค subcutaneous lifting |
ยกกระชับได้ไม่มาก |
ความเป็นธรรมชาติ |
ดูเป็นธรรมชาติ |
ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ |
อาจทำให้บริเวณโหนกแก้มใหญ่ขึ้น และดวงตาดูเล็กลง |
ความคงทนของผลลัพธ์ |
โดยเฉี่ยล 5 – 10 ปีขึ้นไป |
โดยเฉี่ยล 2 – 5 ปี |
ประมาณ 1 ปี |
ความเสี่ยงต่อการเกิดแผลนูนตามแนวแผลผ่าตัด |
น้อย เนื่องจากมีแรงตึงที่ผิวหนังน้อย เพราะเป็นการยกกระชับที่ชั้นลึก |
น้อย ถึงปานกลาง |
มีโอกาสมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมัน หนา สีผิวคล้ำ และรูขุมขนกว้าง |
ความชำนาญของแพทย์ผู้ผ่าตัด |
มาก |
ปานกลาง ถึงน้อย |
น้อย เนื่องเป็นการผ่าตัดชั้นตื้น |
ทำไม ดร.กร ถึงเชื่อมั่นในการดึงหน้าชั้นลึกใต้ต่อ SMAS
High SMAS and Modified Deep SMAS Facelift
ในปัจจุบันมากกว่า 90% ของเคสผ่าตัดดึงใบหน้า รวมถึงการผ่าตัดดึงคอของหมอ หมอจะเลือกการผ่าตัดดึงหน้าชั้นลึกใต้ต่อ SMAS ซึ่งลึกกว่าชั้น SMAS (Deep SMAS facelift) เพื่อเข้าไปปรับแต่งกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นยึดใบหน้าใหม่ เพื่อแก้ปัญหาการยกร่องแก้ม ยกร่องน้ำมาก ดึงใบหน้าส่วนกลาง และยกกระชับคอ สร้างแนวกรอบหน้าใหม่ ช่วยให้ผลลัพธ์ดูธรรมชาติ และยังคงทนกว่าเทคนิคการดึงหน้าเดิม ๆ
การดึงหน้าชั้นลึกใต้ต่อ SMAS หรือ เทคนิค High SMAS and Modified Deep SMAS Facelift เป็นการผ่าตัดดึงหน้า เพื่อเลาะและทำการดึงในชั้นลึกที่อยู่ใต้ชั้นกล้ามเนื้อชั้นตื้นของใบหน้า (SMAS Layer) และยังมีการผ่าตัดเปลี่ยน จุดเกาะเอ็นยึดใบหน้าใหม่ให้กระชับมากขึ้นด้วยครับ ทั้งนี้เพื่อทำการดึงกระชับโครงสร้างกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นใบหน้าในระดับชั้น SMAS อย่างแท้จริง การผ่าตัดเทคนิคนี้จึงทำให้สามารถยกใบหน้าขึ้นได้มากกว่า ลดแรงตึงของแผล ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานกว่าการผ่าตัดดึงหน้าแบบเดิม หรือการผ่าตัดดึงหน้าแบบชั้นตื้น
นอกจากนี้แพทย์ผู้ผ่าตัดยังสามารถที่จะควบคุมแนวแรงดึงในการดึงยกกระชับ แต่ละตำแหน่งบนใบหน้าได้ละเอียด ผลของการผ่าตัดแบบนี้ จึงอยู่ได้นานกว่า และแนวการดึงของใบหน้าจะดูธรรมชาติ โดยอาศัยการควบคุมทิศทางการดึงหน้าชั้นลึก (SMAS Layer) โดยหมอจะผ่าตัดดึงชั้นลึกขึ้นก่อน แล้วค่อยผ่าตัดดึงชั้นตื้น หรือผิวหนังของคนไข้ในตอนท้าย ทำให้แรงตึงบริเวณแผลผ่าตัดน้อยลง เพราะฉะนั้นการผ่าตัดแบบนี้ จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น หรือคีลอยด์น้อยกว่าเทคนิคอื่นๆ อย่างมาก การผ่าตัดดึงหน้าชั้นลึกนี้จึงเหมาะสมอย่างมากสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องของการหย่อนคล้อยของใบหน้าค่อนข้างเยอะ หรือในคนที่มีปัญหาร่องแก้มลึก ๆ มุมปากตกเยอะ ถุงหมาจูที่เห็นชัดเจน เหนียงใต้คาง และลำคอที่หย่อนคล้อย รวมไปถึงเคสแก้ ในคนไข้ที่เคยดึงหน้ามากแล้ว เป็นต้น
คุณแม่ลี ศริญญา สาวฮอตดาวติ๊กต๊อกแห่งปี เผยเคล็ดลับหน้าเด็ก
“การดึงหน้าชั้นลึก” ที่ ดร.กร
แพทย์เราออกแบบแนวการดึง
Case by Case
“การดึงหน้าชั้นลึก” ที่ ดร.กร
แพทย์เราให้คำปรึกษาอย่างละเอียดนาน
กว่า 1 ชม. ก่อนตัดสินใจผ่าตัด
เทคนิคการดึงชั้นลึก
(High SMAS and Modified Deep SMAS Facelift)
มาตรฐานสากลแก้ไขความ
หย่อนคล้อยได้ดีที่สุดในปัจจุบัน
โปรแกรมดูแลหลังผ่าตัดโดยแพทย์เจ้าของเคส ดร.กร คลินิกเราใส่ใจดูแล และติดตามอาการหลังผ่าตัดอย่างใกล้ชิดนานตลอด 1 ปี
ให้อายุเป็นเพียงตัวเลข จะวัยไหนก็สวยได้
ผลลัพท์ 1 ปี หลังดึงหน้าย้อนวัยสวยที่ ดร.กร
ดึงหน้าชั้นลึกและดึงคอชั้นลึกใต้ต่อ SMAS เทคนิค High SMAS and Modified Deep SMAS Facelift




แก้ไขความหย่อนคล้อย
ดึงหน้า ดึงคอชั้นลึกใต้ต่อ SMAS
(High SMAS and Modified Deep SMAS Facelift)




บินตรงมาจากญี่ปุ่นเพื่อ
ดึงหน้า ดึงคอชั้นลึกใต้ต่อ SMAS
(High SMAS and Modified Deep SMAS Facelift)




ให้อายุเป็นเพียงตัวเลข
ดึงหน้า ดึงคอชั้นลึกย้อนวัยใต้ต่อ SMAS
(High SMAS and Modified Deep SMAS Facelift)
การดึงหน้าชั้นลึก หรือ เทคนิค High SMAS and Modified Deep SMAS Facelift เป็นการผ่าตัดดึงหน้า เพื่อเลาะและทำการดึงในชั้นลึกที่อยู่ใต้ชั้นกล้ามเนื้อชั้นตื้นของใบหน้า (SMAS Layer) และยังมีการผ่าตัดเปลี่ยน จุดเกาะเอ็นยึดใบหน้าใหม่ให้กระชับมากขึ้นด้วยครับ ทั้งนี้เพื่อทำการดึงกระชับโครงสร้างกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นใบหน้าในระดับชั้น SMAS อย่างแท้จริง การผ่าตัดเทคนิคนี้จึงทำให้สามารถยกใบหน้าขึ้นได้มากกว่า ลดแรงตึงของแผล ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานกว่าการผ่าตัดดึงหน้าแบบเดิม หรือการผ่าตัดดึงหน้าแบบชั้นตื้น
5 เหตุผล ทำไมต้องดึงหน้าที่ Dr.Gorn
- ทีมแพทย์เป็นผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ ในการดึงหน้า ดึงคิ้ว ดึงคอโดยตรง
- ทีมแพทย์เป็นแพทย์เฉพาทางด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า (Facial Plastic Surgery)
- เทคนิคการดึงของดร.กร เป็นเทคนิคระดับมาตรฐานสากลใหม่ล่าสุด ขั้นสูงในการแก้ไขร่องแก้มลึก , ยกมุมปากและดึงแก้มย้อย (Jow!) ได้ดีที่สุดในปัจจุบัน เพราะเป็นการดึงชั้นลึก (High SMAS Deep Plane Technique)
- ทีมแพทย์ดร.กร สามารถดึงขมับ ดึงหน้า ดึงคอ เก็บหนังหรือรอยย่นใต้ตาพร้อมกันที่เดียว เป็นทางเลือกสำหรับคนที่สนใจแพ็คเกจสวย ครบ จบในที่เดียว
- คุณสามารถลือกได้ว่า จะผ่าตัดแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาชาเฉพาะที่ในคลินิก หรือ ดมยาสลบในโรงพยาบาล
แชร์ความรู้สึก
ประสบการณ์ดีดีที่อยากบอกต่อกัน
การเตรียมตัวก่อน "ผ่าตัดดึงหน้าชั้นลึกใต้ต่อ SMAS"
- งดสูบบุหรี่เป็นเวลา 2 เดือนก่อนและหลังผ่าตัด
- งดวิตามิน หรือ ยาที่มีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือดและการแข็งตัวของเลือด เนื่องจากจะทำให้เลือดหยุดไหลยากในขณะผ่าตัดและหลังผ่าตัด แผลบวมช้ำมากเกินไปหลังการผ่าตัด แผลก็จะหายยากด้วย เช่น Fish oil , Vitamin C E , Green Tea ,Grape Seed (สารสกัดเม็ดองุ่น) สารสกัดแปะก๊วย (Gingko) , กระเทียม เป็นต้น อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ก่อนและหลังการผ่าตัด
- งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการผ่าตัดใหญ่ ในขณะมีประจำเดือน
- ไม่ควรขับรถด้วยตัวเองหลังการผ่าตัด
- เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย เช่น เสื้อที่ติดกระดุมด้านหน้า สามารถถอดและใส่ได้ง่าย ไม่ควรใส่เสื้อแบบสวม และควรมีผู้ดูแลหลังการผ่าตัด
- กรณีผ่าตัดเล็กในคลินิก
- กรณีนัดผ่าตัดช่วงเช้า ต้องรับประทานอาหารเช้าให้เรียบร้อย (อาหารที่ย่อยง่าย ไม่มีรสจัดจนเกินไป)
- กรณีนัดผ่าตัดช่วงบ่าย ต้องรับประทานอาหารเที่ยงให้เรียบร้อย (อาหารที่ย่อยง่าย ไม่มีรสจัดจนเกินไป)
- กรณีผ่าตัดใหญ่ที่ต้องดมยาสลบต้องงดน้ำ งดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
การดูแลตัวเองหลัง "ผ่าตัดดึงหน้าชั้นลึกใต้ต่อ SMAS"
การดูแลตัวเองทั่วไป
- งดให้แผลถูกน้ำ จนกว่าแผลเริ่มแห้ง (ประมาณวันที่ 4-5)
- สระผมได้หลังจากแผลผ่าตัดแห้ง (ประมาณวันที่ 4-5) ด้วยความระมัดระวัง แล้วซับให้แห้ง (หากแผลผ่าตัดโดนน้ำหรือแชมพู) แล้วทาขี้ผึ้งยาเคลือบแผลผ่าตัดทุกครั้งหลังการสระผมจนกว่าแผลผ่าตัดจะหาย
- งดอาหารรสจัดทุกชนิด เช่น หวาน , เค็ม , เผ็ดร้อน , อาหารหมักดองและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดออกกำลังกายหนัก 1 เดือน
- งดสูบบุหรี่ 2 เดือน เนื่องจากบุหรี่ ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- การประคบเย็น ควรประคบเย็นเบา ๆ 1-2 วันแรกหลังการผ่าตัด เพื่อลดอาการบวมของแผลผ่าตัด
- การทำผม เช่น ย้อมผม ดัดผม หรือยืดผม สามารถทำได้หลังผ่าตัดดึงหน้า 3 เดือน
ผ้ารัด และ/หรือ ผ้ายืดพันศีรษะและใบหน้า
- รัดศีรษะและใบหน้า ตลอด 3 วันแรก (ยกเว้นมีการเปิดแผลเพื่อทำความสะอาดของคลินิก)
- หลังจากตัดไหมเสร็จแล้ว แนะนำให้รัดศีรษะและใบหน้าด้วยผ้ายืดดีไซน์พิเศษที่คลินิกแนะนำเวลาอยู่บ้านหรือกลางคืนอย่างน้อยวันละ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 1-3 เดือน (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศัลยแพทย์)
การติดตามผลและตรวจกับแพทย์หลังผ่าตัด
- 3 – 5 วันแรกหลังผ่าตัดให้มาพบแพทย์ทุกวัน เพื่อทำความสะอาดแผลและติดตามอาการ
- สามารถเริ่มตัดไหมที่แผลได้ที่ 7 – 14 วัน หลังผ่าตัด
- ติดตามผลหลังผ่าตัด และพบแพทย์หลังผ่าตัด 1 เดือน , 3 เดือน , 6 เดือน และ 1 ปี (สามารถติดตามอาการทางออนไลน์ได้ กรณีไม่สะดวกเดินทางมาติดตามอาการ)
จองคิวปรึกษาออนไลน์เพื่อรับโปรโมชั่นพิเศษ
Stay with us
เลขที่ 51/1 ซอยรามอินทรา 109 ถนนพระยาสุเรนทร์ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร 10510
โทร. 089 130 5448 »
ดูแผนที่ใน Google Map »