fbpx

Brow Ptosis and
Temporal lift
surgery

Shape your eyebrows in a youthful position, reduces forehead wrinkles and improves frown lines
ผ่าตัดยกคิ้ว ดึงขมับ แก้คิ้วตก ปรับแต่งรูปทรงคิ้ว
Look younger again
BrowLift

Brow Ptosis and
Temporal lift
surgery

Shape your eyebrows in a youthful position, reduces forehead wrinkles and improves frown lines

ผ่าตัดยกคิ้ว ดึงขมับ แก้คิ้วตก ปรับแต่งรูปทรงคิ้ว
Look younger again
BrowLift

Brow Ptosis and Temporal liftsurgery

Shape your eyebrows in a youthful position, reduces forehead wrinkles and improves frown lines
ผ่าตัดยกคิ้ว ดึงขมับ แก้คิ้วตก ปรับแต่งรูปทรงคิ้ว
Look younger again
BrowLift
BrowLift

WE PROVIDE VARIOUS
SURGICAL TECHNIQUE
FOR ONLY YOUR
EYEBROWS

Individual Design for Only your eyebrows For Your Natural Appearance again
ทีมศัลยแพทย์ดึงหน้า DR.GORN Facial Plastic Teams มีประสบการณ์และเทคนิคที่หลากหลายในการ ผ่าตัดดึงคิ้ว แก้คิ้วตก ดึงขมับ เพื่อออกแบบสำหรับแต่ละคน เพราะเราเชื่อว่าทุกการผ่าตัด มีรายละเอียดในแต่ละคนที่แตกต่างกัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติที่สุด
BrowLift

WE PROVIDE VARIOUS
SURGICAL TECHNIQUE
FOR ONLY YOUR
EYEBROWS

Individual Design for Only your eyebrows For Your Natural Appearance again
ทีมศัลยแพทย์ดึงหน้า DR.GORN Facial Plastic Teams มีประสบการณ์และเทคนิคที่หลากหลายในการ ผ่าตัดดึงคิ้ว แก้คิ้วตก ดึงขมับ เพื่อออกแบบสำหรับแต่ละคน เพราะเราเชื่อว่าทุกการผ่าตัด มีรายละเอียดในแต่ละคนที่แตกต่างกัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติที่สุด

WE PROVIDE VARIOUS
SURGICAL TECHNIQUE
FOR ONLY YOUR
EYEBROWS

Individual Design for Only your eyebrows
For Your Natural Appearance again
ทีมศัลยแพทย์ดึงหน้า DR.GORN Facial Plastic Teams มีประสบการณ์และเทคนิคที่หลากหลายในการ ผ่าตัดดึงคิ้ว แก้คิ้วตก ดึงขมับ เพื่อออกแบบสำหรับแต่ละคน เพราะเราเชื่อว่าทุกการผ่าตัด มีรายละเอียดในแต่ละคนที่แตกต่างกัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติที่สุด
BrowLift

Brow Ptosis and Temporal lift surgery การผ่าตัดแก้ไขคิ้วตก คิ้วอยู่ต่ำ ดึงหางคิ้ว

BrowLift
สามารถช่วยปรับความสุมดุล และสวยงาม แก้ปัญหาคิ้วตก และหนังตาด้านบนหย่อนปิดชั้น
โดยการยกตำแหน่งคิ้วใหม่ ให้สูงขึ้น ช่วยให้ดวงตา และใบหน้ากลับมาดูอ่อนเยาวน์และเพิ่มเสนห์ให้คุณอีกครั้ง

Brow Ptosis and Temporal lift surgery
การผ่าตัดแก้ไขคิ้วตก คิ้วอยู่ต่ำ ดึงหางคิ้ว

สามารถช่วยปรับความสุมดุล และสวยงาม แก้ปัญหาคิ้วตก และหนังตาด้านบนหย่อนปิดชั้น
โดยการยกตำแหน่งคิ้วใหม่ ให้สูงขึ้น ช่วยให้ดวงตา และใบหน้ากลับมาดูอ่อนเยาวน์และเพิ่มเสนห์ให้คุณอีกครั้ง

Brow Ptosis and Temporal lift surgery การผ่าตัดแก้ไขคิ้วตก คิ้วอยู่ต่ำ ดึงหางคิ้ว

BrowLift
สามารถช่วยปรับความสุมดุล และสวยงาม แก้ปัญหาคิ้วตก และหนังตาด้านบนหย่อนปิดชั้น
โดยการยกตำแหน่งคิ้วใหม่ ให้สูงขึ้น ช่วยให้ดวงตา และใบหน้ากลับมาดูอ่อนเยาวน์และเพิ่มเสนห์ให้คุณอีกครั้ง

คิ้วตก (Brow Ptosis)

คิ้วตก (Brow Ptosis) และ คิ้วเตี้ย (Low-Set Eyebrow)
เป็นปัญหาที่มีผู้ให้ความสนใจเข้ามาปรึกษาแพทย์ความงามอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากคิ้วตก (Brow Ptosis)
ทำให้เรามีบุคลิกที่แลดูเศร้า (Sad) , เหนื่อยล้า (Tired) หรือแม้กระทั่งแลดูเป็นคนโกรธง่าย (Angry-look) อีกด้วย
ยิ่งถ้าหากใครมีภาวะคิ้วต่ำหรือคิ้วตกเป็นเวลานาน จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก (Frontalis Muscle)
ทำงานหนักมากขึ้น (หดตัวเกร็ง : Compensation Frontalis Contraction) เพื่อพยายามยกคิ้วและหนังตาบนขึ้น
จนทำให้เกิดรอยย่นหน้าผากในแนวขวางมาก และลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามมา (Horizontal Forehead line)
ซึ่งแก้ไขได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะในรายที่เปลี่ยนเป็นร่องถาวรไปแล้ว (Static Furrow)
บางคนแก้ไขรอยย่นหน้าผากดังกล่าวโดยวิธีที่ผิด คือ ฉีด Botulinum Toxin เพื่อลดรอยย่นจึงยิ่งจะทำให้คิ้วต่ำหรือ
ตกลงมากขึ้น ยิ่งแลดูเป็นคนที่มีบุคลิกโกรธง่ายมากขึ้น ดังนั้นการเข้าใจและทราบถึงสาเหตุและวิธีการแก้ไขที่ถูกต้อง
ของภาวะคิ้วตกหรือคิ้วเตี้ย จึงมีความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด, คุ้มค่ากับค่าใช้จ่าย
และเห็นผลชัดเจนตามความต้องการของตนเอง

คิ้วตก (Brow Ptosis)

คิ้วตก (Brow Ptosis) และ คิ้วเตี้ย (Low-Set Eyebrow)
เป็นปัญหาที่มีผู้ให้ความสนใจเข้ามาปรึกษาแพทย์ความงามอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากคิ้วตก (Brow Ptosis)
ทำให้เรามีบุคลิกที่แลดูเศร้า (Sad) , เหนื่อยล้า (Tired) หรือแม้กระทั่งแลดูเป็นคนโกรธง่าย (Angry-look) อีกด้วย
ยิ่งถ้าหากใครมีภาวะคิ้วต่ำหรือคิ้วตกเป็นเวลานาน จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก (Frontalis Muscle)
ทำงานหนักมากขึ้น (หดตัวเกร็ง : Compensation Frontalis Contraction) เพื่อพยายามยกคิ้วและหนังตาบนขึ้น
จนทำให้เกิดรอยย่นหน้าผากในแนวขวางมาก และลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามมา (Horizontal Forehead line)
ซึ่งแก้ไขได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะในรายที่เปลี่ยนเป็นร่องถาวรไปแล้ว (Static Furrow)
บางคนแก้ไขรอยย่นหน้าผากดังกล่าวโดยวิธีที่ผิด คือ ฉีด Botulinum Toxin เพื่อลดรอยย่นจึงยิ่งจะทำให้คิ้วต่ำหรือ
ตกลงมากขึ้น ยิ่งแลดูเป็นคนที่มีบุคลิกโกรธง่ายมากขึ้น ดังนั้นการเข้าใจและทราบถึงสาเหตุและวิธีการแก้ไขที่ถูกต้อง
ของภาวะคิ้วตกหรือคิ้วเตี้ย จึงมีความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด, คุ้มค่ากับค่าใช้จ่าย
และเห็นผลชัดเจนตามความต้องการของตนเอง

คิ้วตก (Brow Ptosis)

คิ้วตก (Brow Ptosis) และ คิ้วเตี้ย (Low-Set Eyebrow)
เป็นปัญหาที่มีผู้ให้ความสนใจเข้ามาปรึกษาแพทย์ความงามอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากคิ้วตก (Brow Ptosis)
ทำให้เรามีบุคลิกที่แลดูเศร้า (Sad) , เหนื่อยล้า (Tired) หรือแม้กระทั่งแลดูเป็นคนโกรธง่าย (Angry-look) อีกด้วย
ยิ่งถ้าหากใครมีภาวะคิ้วต่ำหรือคิ้วตกเป็นเวลานาน จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก (Frontalis Muscle)
ทำงานหนักมากขึ้น (หดตัวเกร็ง : Compensation Frontalis Contraction) เพื่อพยายามยกคิ้วและหนังตาบนขึ้น
จนทำให้เกิดรอยย่นหน้าผากในแนวขวางมาก และลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามมา (Horizontal Forehead line)
ซึ่งแก้ไขได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะในรายที่เปลี่ยนเป็นร่องถาวรไปแล้ว (Static Furrow)
บางคนแก้ไขรอยย่นหน้าผากดังกล่าวโดยวิธีที่ผิด คือ ฉีด Botulinum Toxin เพื่อลดรอยย่นจึงยิ่งจะทำให้คิ้วต่ำหรือ
ตกลงมากขึ้น ยิ่งแลดูเป็นคนที่มีบุคลิกโกรธง่ายมากขึ้น ดังนั้นการเข้าใจและทราบถึงสาเหตุและวิธีการแก้ไขที่ถูกต้อง
ของภาวะคิ้วตกหรือคิ้วเตี้ย จึงมีความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด, คุ้มค่ากับค่าใช้จ่าย
และเห็นผลชัดเจนตามความต้องการของตนเอง

ภาวะคิ้วตกหรือคิ้วต่ำเกิดจาก 2 สาเหตุหลัก ๆ คือ

1. ภาวะคิ้วต่ำมาแต่กำเนิด (Congenital lower – brow position)
2. ภาวะคิ้วตกที่เกิดมาภายหลัง (Acquired Brow Ptosis) เช่น
• อุบัติเหตุ (Trauma)
• การผ่าตัด (surgery)
• ภาวะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 แขนงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อที่ปกติทำหน้าที่คงสภาพ / ยกคิ้ว (Frontalis Muscle) ได้รับบาดเจ็บหรือ ถูกตัดขาด (Frontal Branch of Facial Nerve Injury ) จากอุบัติเหตุ การผ่าตัด การยิงเลเซอร์ เป็นต้น
• ภาวะความเสื่อมถอย ตามอายุที่มากขึ้น (Age – Relation Changes ) ของเนื้อเยื่อและกระดูกบริเวณหน้าผากและขมับซึ่งเป็นปัญหาที่ พบได้บ่อย
ถ้าเกิดจากความเสื่อมของเนื้อเยื่อบริเวณ
หน้าผาก (Forehead) เป็นหลัก ก็จะทำให้หางคิ้วตก
ในแนวดิ่ง (VerticalBrow Ptosis)
ถ้าเกิดจากความเสื่อมของเนื้อเยื่อบริเวณขมับ
เป็นหลักก็จะทำให้หางคิ้วตก (Temporal / Lateral Brow
Ptosis) แต่บางคนอาจจะเกิดจากความเสื่อมถอย
ของเนื้อเยื่อทั้งบริเวณขมับและหน้าผาก คิ้วก็จะตกทั้ง
2 ทิศทาง (Total Brow Ptosis)

ภาวะคิ้วตกหรือคิ้วต่ำเกิดจาก 2 สาเหตุหลัก ๆ คือ

1. ภาวะคิ้วต่ำมาแต่กำเนิด (Congenital lower – brow position)
2. ภาวะคิ้วตกที่เกิดมาภายหลัง (Acquired Brow Ptosis) เช่น
• อุบัติเหตุ (Trauma)
• การผ่าตัด (surgery)
• ภาวะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 แขนงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อที่ปกติทำหน้าที่คงสภาพ / ยกคิ้ว (Frontalis Muscle) ได้รับบาดเจ็บหรือ ถูกตัดขาด (Frontal Branch of Facial Nerve Injury ) จากอุบัติเหตุ การผ่าตัด การยิงเลเซอร์ เป็นต้น
• ภาวะความเสื่อมถอย ตามอายุที่มากขึ้น (Age – Relation Changes ) ของเนื้อเยื่อและกระดูกบริเวณหน้าผากและขมับซึ่งเป็นปัญหาที่ พบได้บ่อย
ถ้าเกิดจากความเสื่อมของเนื้อเยื่อบริเวณ
หน้าผาก (Forehead) เป็นหลัก ก็จะทำให้หางคิ้วตก
ในแนวดิ่ง (VerticalBrow Ptosis)
ถ้าเกิดจากความเสื่อมของเนื้อเยื่อบริเวณขมับ
เป็นหลักก็จะทำให้หางคิ้วตก (Temporal / Lateral Brow
Ptosis) แต่บางคนอาจจะเกิดจากความเสื่อมถอย
ของเนื้อเยื่อทั้งบริเวณขมับและหน้าผาก คิ้วก็จะตกทั้ง
2 ทิศทาง (Total Brow Ptosis)

ภาวะคิ้วตกหรือคิ้วต่ำเกิดจาก
2 สาเหตุหลัก ๆ คือ

1. ภาวะคิ้วต่ำมาแต่กำเนิด (Congenital lower – brow position)
2. ภาวะคิ้วตกที่เกิดมาภายหลัง (Acquired Brow Ptosis) เช่น
• อุบัติเหตุ (Trauma)
• การผ่าตัด (surgery)
• ภาวะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 แขนงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อที่ปกติทำหน้าที่คงสภาพ / ยกคิ้ว (Frontalis Muscle) ได้รับบาดเจ็บหรือ ถูกตัดขาด (Frontal Branch of Facial Nerve Injury ) จากอุบัติเหตุ การผ่าตัด การยิงเลเซอร์ เป็นต้น
• ภาวะความเสื่อมถอย ตามอายุที่มากขึ้น (Age – Relation Changes ) ของเนื้อเยื่อและกระดูกบริเวณหน้าผากและขมับซึ่งเป็นปัญหาที่ พบได้บ่อย
ถ้าเกิดจากความเสื่อมของเนื้อเยื่อบริเวณ
หน้าผาก (Forehead) เป็นหลัก ก็จะทำให้หางคิ้วตก
ในแนวดิ่ง (VerticalBrow Ptosis)
ถ้าเกิดจากความเสื่อมของเนื้อเยื่อบริเวณขมับ
เป็นหลักก็จะทำให้หางคิ้วตก (Temporal / Lateral Brow
Ptosis) แต่บางคนอาจจะเกิดจากความเสื่อมถอย
ของเนื้อเยื่อทั้งบริเวณขมับและหน้าผาก คิ้วก็จะตกทั้ง
2 ทิศทาง (Total Brow Ptosis)

การแก้ปัญหาคิ้วตก (Brow Ptosis Correction / Brow Lift)

การยกคิ้วมีหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีจะมีประสิทธิภาพ ความคงทน และเหมาะสมกับสาเหตุของการเกิดภาวะคิ้วตก ได้แก่

การแก้ปัญหาคิ้วตก (Brow Ptosis Correction / Brow Lift)

การยกคิ้วมีหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีจะมีประสิทธิภาพ ความคงทน และเหมาะสมกับสาเหตุของการเกิดภาวะคิ้วตก ได้แก่

การแก้ปัญหาคิ้วตก
(Brow Ptosis Correction / Brow Lift)

การยกคิ้วมีหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีจะมีประสิทธิภาพ ความคงทน และเหมาะสมกับสาเหตุของการเกิดภาวะคิ้วตก ได้แก่
1. การฉีด Botulinum toxin (Chemical Brow Lift)
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคิ้วเตี้ย/ต่ำ/ตก จากภาวะหดตัวเกร็งที่มากเกินไป(Hypertonic Periorbita Muscle)
ของกล้ามเนื้อบริเวณรอบตาเป็นหลัก เช่น หางคิ้ว (Lateral part of Orbicularis Oculi )
และหัวคิ้ว (Corrugator Muscle & Depressor Supercilia)
• โดยปกติการฉีด Botulinum toxin ยกคิ้วได้นานประมาณ 3-4 เดือน ตามปริมาณที่ฉีด
• แต่ถ้าภาวะคิ้วตกเกิดจากสาเหตุอื่น การฉีด Botulinum toxin อาจได้ผลในการยกคิ้ว
น้อย, ไม่ได้ผล หรืออาจทำให้แย่ลง หากมีการฉีดผิดตำแหน่ง เป็นต้น
1. การฉีด Botulinum toxin (Chemical Brow Lift)
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคิ้วเตี้ย/ต่ำ/ตก จากภาวะหดตัวเกร็งที่มากเกินไป(Hypertonic Periorbita Muscle)
ของกล้ามเนื้อบริเวณรอบตาเป็นหลัก เช่น หางคิ้ว (Lateral part of Orbicularis Oculi )
และหัวคิ้ว (Corrugator Muscle & Depressor Supercilia)
• โดยปกติการฉีด Botulinum toxin ยกคิ้วได้นานประมาณ 3-4 เดือน ตามปริมาณที่ฉีด
• แต่ถ้าภาวะคิ้วตกเกิดจากสาเหตุอื่น การฉีด Botulinum toxin อาจได้ผลในการยกคิ้ว
น้อย, ไม่ได้ผล หรืออาจทำให้แย่ลง หากมีการฉีดผิดตำแหน่ง เป็นต้น
1. การฉีด Botulinum toxin (Chemical Brow Lift)
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคิ้วเตี้ย/ต่ำ/ตก จากภาวะหดตัวเกร็งที่มากเกินไป(Hypertonic Periorbita Muscle)
ของกล้ามเนื้อบริเวณรอบตาเป็นหลัก เช่น หางคิ้ว (Lateral part of Orbicularis Oculi )
และหัวคิ้ว (Corrugator Muscle & Depressor Supercilia)
• โดยปกติการฉีด Botulinum toxin ยกคิ้วได้นานประมาณ 3-4 เดือน ตามปริมาณที่ฉีด
• แต่ถ้าภาวะคิ้วตกเกิดจากสาเหตุอื่น การฉีด Botulinum toxin อาจได้ผลในการยกคิ้ว
น้อย, ไม่ได้ผล หรืออาจทำให้แย่ลง หากมีการฉีดผิดตำแหน่ง เป็นต้น
2. การร้อยไหม (Thread lifting)
ปกติมักใช้ไหมละลาย (Dissolvable Thread) ตามวัสดุและบริษัทผู้ผลิต ทั้งที่เป็นไหมธรรมดา (Plain Thread)
หรือ ไหมที่เป็นเงี่ยง (Barbed Thread) โดยคาดหวังให้เกี่ยวกับเนื้อเยื่อได้มากขึ้น
ผลลัพธ์ในการดึง (Lifting Effect) คาดหวังจาก 2 กลไก คือ
1. การเกี่ยวดึงของไหม (Pulling Action) ผลของการดึง ขึ้นอยู่กับขนาดของเส้นไหม , อัตราการสลายของไหมและ เกาะติดของเงี่ยงไหมกับเนื้อเยื่อบริเวณหน้าผากและขมับ
2. การกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่
(New Collagen Fiber Synthesis) หรือพังผืด (Fibrosis) ที่เหมาะสมตามแนวไหม
ดังนั้นผลของการร้อยไหมในการดึงคิ้วจึงมีผลและความคงทนไม่แน่นอน ผลโดยเฉลี่ยจะอยู่ได้ 4 เดือน – 1 ปี
*การร้อยไหมไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตกมาก, ผู้ที่ต้องการยกคิ้วแบบถาวร และผู้ที่มีผิวบางเพราะอาจมีการฟกช้ำได้ง่าย
2. การร้อยไหม (Thread lifting)
ปกติมักใช้ไหมละลาย (Dissolvable Thread) ตามวัสดุและบริษัทผู้ผลิต ทั้งที่เป็นไหมธรรมดา (Plain Thread)
หรือ ไหมที่เป็นเงี่ยง (Barbed Thread) โดยคาดหวังให้เกี่ยวกับเนื้อเยื่อได้มากขึ้น
ผลลัพธ์ในการดึง (Lifting Effect) คาดหวังจาก 2 กลไก คือ
1. การเกี่ยวดึงของไหม (Pulling Action) ผลของการดึง ขึ้นอยู่กับขนาดของเส้นไหม , อัตราการสลายของไหมและ เกาะติดของเงี่ยงไหมกับเนื้อเยื่อบริเวณหน้าผากและขมับ
2. การกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่
(New Collagen Fiber Synthesis) หรือพังผืด (Fibrosis) ที่เหมาะสมตามแนวไหม
ดังนั้นผลของการร้อยไหมในการดึงคิ้วจึงมีผลและความคงทนไม่แน่นอน
ผลโดยเฉลี่ยจะอยู่ได้ 4 เดือน – 1 ปี
*การร้อยไหมไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตกมาก, ผู้ที่ต้องการยกคิ้วแบบถาวร
และผู้ที่มีผิวบางเพราะอาจมีการฟกช้ำได้ง่าย
2. การร้อยไหม (Thread lifting)
ปกติมักใช้ไหมละลาย (Dissolvable Thread) ตามวัสดุและบริษัทผู้ผลิต ทั้งที่เป็นไหมธรรมดา (Plain Thread)
หรือ ไหมที่เป็นเงี่ยง (Barbed Thread) โดยคาดหวังให้เกี่ยวกับเนื้อเยื่อได้มากขึ้น
ผลลัพธ์ในการดึง (Lifting Effect) คาดหวังจาก 2 กลไก คือ
1. การเกี่ยวดึงของไหม (Pulling Action) ผลของการดึง ขึ้นอยู่กับขนาดของเส้นไหม , อัตราการสลายของไหมและ เกาะติดของเงี่ยงไหมกับเนื้อเยื่อบริเวณหน้าผากและขมับ
2. การกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่
(New Collagen Fiber Synthesis) หรือพังผืด (Fibrosis) ที่เหมาะสมตามแนวไหม
ดังนั้นผลของการร้อยไหมในการดึงคิ้วจึงมีผลและความคงทนไม่แน่นอน
ผลโดยเฉลี่ยจะอยู่ได้ 4 เดือน – 1 ปี
*การร้อยไหมไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตกมาก, ผู้ที่ต้องการยกคิ้วแบบถาวร และผู้ที่มีผิวบางเพราะอาจมีการฟกช้ำได้ง่าย
3. การเติมเต็มหน้าผาก และขมับที่ตอบ (Forehead & Temporal Augmentation)
การแก้ไขวิธีดังกล่าว มีผลแก้ไขความตอบเป็นหลัก (Sunken – Look) ในขณะเดียวกัน
จะมีส่วนช่วยยกเนื้อเยื่อที่หย่อนยานบริเวณใต้หน้าผากลงมา เช่นคิ้วได้ระดับหนึ่ง (Volumetric Lift Effect)
ปัจจุบันมีทางเลือกในการเติมเต็มได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความพอใจ, ความคงทน และความเหมาะสมของแต่ละบุคคล เช่น
1.แผ่นซิลิโคน (Customized Silicone Implant)
2.สารเติมเต็ม (Fillers)
3.ไขมัน (Autologous Fat Graft)
3. การเติมเต็มหน้าผาก และขมับที่ตอบ (Forehead & Temporal Augmentation)
การแก้ไขวิธีดังกล่าว มีผลแก้ไขความตอบเป็นหลัก (Sunken – Look) ในขณะเดียวกัน
จะมีส่วนช่วยยกเนื้อเยื่อที่หย่อนยานบริเวณใต้หน้าผากลงมา เช่นคิ้วได้ระดับหนึ่ง (Volumetric Lift Effect)
ปัจจุบันมีทางเลือกในการเติมเต็มได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความพอใจ, ความคงทน และความเหมาะสมของแต่ละบุคคล เช่น
1.แผ่นซิลิโคน
(Customized Silicone Implant)
2.สารเติมเต็ม (Fillers)
3.ไขมัน (Autologous Fat Graft)
3. การเติมเต็มหน้าผาก และขมับที่ตอบ (Forehead & Temporal Augmentation)
การแก้ไขวิธีดังกล่าว มีผลแก้ไขความตอบเป็นหลัก (Sunken – Look) ในขณะเดียวกัน
จะมีส่วนช่วยยกเนื้อเยื่อที่หย่อนยานบริเวณใต้หน้าผากลงมา เช่นคิ้วได้ระดับหนึ่ง (Volumetric Lift Effect)
ปัจจุบันมีทางเลือกในการเติมเต็มได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความพอใจ, ความคงทน และความเหมาะสมของแต่ละบุคคล เช่น
1.แผ่นซิลิโคน (Customized Silicone Implant)
2.สารเติมเต็ม (Fillers)
3.ไขมัน (Autologous Fat Graft)
4. การใช้พลังงาน (Energy – Base Non Surgery Lifting)
พลังงานมีกลไกในการยกกระชับเนื้อเยื่อตามชั้นต่าง ๆ ของใบหน้าและลำคอตาม Potency
ของพลังงานชนิดนั้นๆ ที่นิยมในปัจจุบัน ได้แก่
1. Laser โดยส่วนใหญ่พลังงานของเลเซอร์ลงลึกใต้ผิวหนัง ได้ค่อนข้างตื้น จึงส่งพลังงานไม่ลึกถึงชั้นSMAS ทำให้ เห็นผลในเรื่องยกกระชับได้น้อยและได้ผลไม่นาน
2. Monopolar radiofrequency (RF) ปัจจุบันพัฒนาให้ พลังงานลงลึกถึงประมาณ 3 มิลลิเมตร ซึ่งครอบคลุมถึง
ชั้นหนังแท้ทั้งหมดและชั้นไขมันแต่ไม่ถึงชั้นSMAS ซึ่งมีข้อ จำกัดในการดึงยกกระชับ
3. High Intensity Focused Ultrasound (HIFU) พลังงานจะมีผลลึกถึงชั้น SMAS ได้ (ในระดับที่แตกต่างกัน
ขึ้นอยู่กับ Brand หรือผู้ผลิต) HIFU จึงมีประสิทธิภาพ
ในการยกกระชับระดับหนึ่ง และผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน ประมาณ 3-4 เดือน
4. Microfocused Ultrasound เป็นเทคโนโลยีที่ใช้การตรวจ Scan หาชั้น SMAS ที่ชัดเจนว่าอยู่บริเวณไหน และลึกประมาณ ไหน และใช้ Self Aware ในการวางแผนก่อนการรักษา (See Plan Treat, SPT) ทำให้ประสิทธิภาพในการยกกระชับ ชั้น SMAS ได้ผลดียิ่งขึ้น จึงเป็นทางเลือกที่ดีในคนที่ยังไม่ พร้อมจะผ่าตัดดึงหน้า ดึงคอ ดึงคิ้ว หรือคนที่ผ่าตัดไม่ได้ โดยเฉลี่ยผลของการยกกระชับจะอยู่ได้ 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ โครงสร้างใบหน้า และการหย่อนยานที่มากน้อยแค่ไหน
4. การใช้พลังงาน (Energy – Base Non Surgery Lifting)
พลังงานมีกลไกในการยกกระชับเนื้อเยื่อตามชั้นต่าง ๆ ของใบหน้าและลำคอตาม Potency
ของพลังงานชนิดนั้นๆ ที่นิยมในปัจจุบัน ได้แก่
1. Laser โดยส่วนใหญ่พลังงานของเลเซอร์ลงลึกใต้ผิวหนัง ได้ค่อนข้างตื้น จึงส่งพลังงานไม่ลึกถึงชั้นSMAS ทำให้ เห็นผลในเรื่องยกกระชับได้น้อยและได้ผลไม่นาน
2. Monopolar radiofrequency (RF) ปัจจุบันพัฒนาให้ พลังงานลงลึกถึงประมาณ 3 มิลลิเมตร ซึ่งครอบคลุมถึง
ชั้นหนังแท้ทั้งหมดและชั้นไขมันแต่ไม่ถึงชั้นSMAS ซึ่งมีข้อ จำกัดในการดึงยกกระชับ
3. High Intensity Focused Ultrasound (HIFU) พลังงานจะมีผลลึกถึงชั้น SMAS ได้ (ในระดับที่แตกต่างกัน
ขึ้นอยู่กับ Brand หรือผู้ผลิต) HIFU จึงมีประสิทธิภาพ
ในการยกกระชับระดับหนึ่ง และผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน ประมาณ 3-4 เดือน
4. Microfocused Ultrasound เป็นเทคโนโลยีที่ใช้การตรวจ Scan หาชั้น SMAS ที่ชัดเจนว่าอยู่บริเวณไหน และลึกประมาณ ไหน และใช้ Self Aware ในการวางแผนก่อนการรักษา (See Plan Treat, SPT) ทำให้ประสิทธิภาพในการยกกระชับ ชั้น SMAS ได้ผลดียิ่งขึ้น จึงเป็นทางเลือกที่ดีในคนที่ยังไม่ พร้อมจะผ่าตัดดึงหน้า ดึงคอ ดึงคิ้ว หรือคนที่ผ่าตัดไม่ได้ โดยเฉลี่ยผลของการยกกระชับจะอยู่ได้ 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ โครงสร้างใบหน้า และการหย่อนยานที่มากน้อยแค่ไหน
4. การใช้พลังงาน (Energy – Base Non Surgery Lifting)
พลังงานมีกลไกในการยกกระชับเนื้อเยื่อตามชั้นต่าง ๆ ของใบหน้าและลำคอตาม Potency
ของพลังงานชนิดนั้นๆ ที่นิยมในปัจจุบัน ได้แก่
1. Laser โดยส่วนใหญ่พลังงานของเลเซอร์ลงลึกใต้ผิวหนัง ได้ค่อนข้างตื้น จึงส่งพลังงานไม่ลึกถึงชั้นSMAS ทำให้ เห็นผลในเรื่องยกกระชับได้น้อยและได้ผลไม่นาน
2. Monopolar radiofrequency (RF) ปัจจุบันพัฒนาให้ พลังงานลงลึกถึงประมาณ 3 มิลลิเมตร ซึ่งครอบคลุมถึง
ชั้นหนังแท้ทั้งหมดและชั้นไขมันแต่ไม่ถึงชั้นSMAS ซึ่งมีข้อ จำกัดในการดึงยกกระชับ
3. High Intensity Focused Ultrasound (HIFU) พลังงานจะมีผลลึกถึงชั้น SMAS ได้ (ในระดับที่แตกต่างกัน
ขึ้นอยู่กับ Brand หรือผู้ผลิต) HIFU จึงมีประสิทธิภาพ
ในการยกกระชับระดับหนึ่ง และผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน ประมาณ 3-4 เดือน
4. Microfocused Ultrasound เป็นเทคโนโลยีที่ใช้การตรวจ Scan หาชั้น SMAS ที่ชัดเจนว่าอยู่บริเวณไหน และลึกประมาณ ไหน และใช้ Self Aware ในการวางแผนก่อนการรักษา (See Plan Treat, SPT) ทำให้ประสิทธิภาพในการยกกระชับ ชั้น SMAS ได้ผลดียิ่งขึ้น จึงเป็นทางเลือกที่ดีในคนที่ยังไม่ พร้อมจะผ่าตัดดึงหน้า ดึงคอ ดึงคิ้ว หรือคนที่ผ่าตัดไม่ได้ โดยเฉลี่ยผลของการยกกระชับจะอยู่ได้ 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ โครงสร้างใบหน้า และการหย่อนยานที่มากน้อยแค่ไหน
5. การผ่าตัดดึงคิ้ว (Brow Lifting Surgery)
ปัจจุบันมีหลากหลายเทคนิคตามความถนัดของแพทย์, ความพอใจในข้อดี – ข้อเสียของแต่ละวิธี,
ค่าใช้จ่าย และความเหมาะสมของภาวะคิ้วตกแต่ละสาเหตุ และโครงสร้างของแต่ละบุคคล
โดยปัจจัยที่ควรคำนึงในการเลือกและพิจารณามีหลายอย่าง อาทิเช่น
1. อายุ/วัย
2. ปริมาณผิวหนังที่ย่นหรือส่วนเกิน (Excess Skin Amount)
3. การเปลี่ยนแปลงของแนวไรผม (Hair Line Level Change)
4. ความต้องการในการกำจัดรอยย่นหน้าผากถาวรร่วมด้วยหรือไม่ (Static Horizontal Forehead Line)
5. วิธีการยึดหลังจากดึงคิ้ว (Fixation Method) และความคงทน (Long Lasting) ที่เราต้องการ
6. การยอมรับในความเสี่ยงจากการผ่าตัดในแต่ละวิธีหรือไม่ เช่น แผลเป็น (Surgical Scar) , ความเสี่ยงต่อการผมร่วง (Hair Loss),การบาดเจ็บของเส้น ประสาทรับความรู้สึก
บริเวณศีรษะ
7. ความต้องการในการผ่าตัดอย่างอื่นร่วมในการผ่าตัดดึงคิ้ว
ครั้งนั้นหรือไม่ เช่น
– เสริมแผ่นซิลิโคนหน้าผาก/ ขมับ
– การกรอกระดูกสันคิ้ว ที่โหนกนูน มากเกินไป
– การผ่าตัดดึงแก้มย้อยบริเวณใต้ตา (Midface Lifting) ร่วมด้วยหรือไม่
8. ความต้องการในการยกคิ้วแนวดิ่ง (Vertical Lifting) หรือ ยกคิ้วในแนวหางคิ้วออกไปแนวด้านข้าง (Temporal Lifting) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือต้องการยกคิ้วทั้ง 2 ทิศทางพร้อมกัน
9. การสักคิ้วมาก่อน (Eyebrow Tattoo) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ตำแหน่ง หรือรูปทรงว่าเป็นอย่างไรแล้ว ถ้าหลังจากดึงคิ้วแล้ว นั้น รูปทรงคิ้วที่สักมาจะเป็นอย่างไรตามมา
10. มีความต้องการในผ่าตัดดึงหน้าหรือดึงคอร่วมด้วย ในการ ผ่าตัดครั้งเดียวกัน หรือไม่
11. ข้อจำกัดในบางรายที่ผ่าตัดดมยาสลบไม่ได้ หรือมีข้อห้าม
5. การผ่าตัดดึงคิ้ว (Brow Lifting Surgery)
ปัจจุบันมีหลากหลายเทคนิคตามความถนัดของแพทย์, ความพอใจในข้อดี – ข้อเสียของแต่ละวิธี,
ค่าใช้จ่าย และความเหมาะสมของภาวะคิ้วตกแต่ละสาเหตุ และโครงสร้างของแต่ละบุคคล
โดยปัจจัยที่ควรคำนึงในการเลือกและพิจารณามีหลายอย่าง อาทิเช่น
1. อายุ/วัย
2. ปริมาณผิวหนังที่ย่นหรือส่วนเกิน (Excess Skin Amount)
3. การเปลี่ยนแปลงของแนวไรผม (Hair Line Level Change)
4. ความต้องการในการกำจัดรอยย่นหน้าผากถาวรร่วมด้วยหรือไม่ (Static Horizontal Forehead Line)
5. วิธีการยึดหลังจากดึงคิ้ว (Fixation Method) และความคงทน (Long Lasting) ที่เราต้องการ
6. การยอมรับในความเสี่ยงจากการผ่าตัดในแต่ละวิธีหรือไม่ เช่น แผลเป็น (Surgical Scar) , ความเสี่ยงต่อการผมร่วง (Hair Loss),การบาดเจ็บของเส้น ประสาทรับความรู้สึก
บริเวณศีรษะ
7. ความต้องการในการผ่าตัดอย่างอื่นร่วมในการผ่าตัดดึงคิ้ว
ครั้งนั้นหรือไม่ เช่น
– เสริมแผ่นซิลิโคนหน้าผาก/ ขมับ
– การกรอกระดูกสันคิ้ว ที่โหนกนูน มากเกินไป
– การผ่าตัดดึงแก้มย้อยบริเวณใต้ตา (Midface Lifting) ร่วมด้วยหรือไม่
8. ความต้องการในการยกคิ้วแนวดิ่ง (Vertical Lifting) หรือ ยกคิ้วในแนวหางคิ้วออกไปแนวด้านข้าง (Temporal Lifting) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือต้องการยกคิ้วทั้ง 2 ทิศทางพร้อมกัน
9. การสักคิ้วมาก่อน (Eyebrow Tattoo) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ตำแหน่ง หรือรูปทรงว่าเป็นอย่างไรแล้ว ถ้าหลังจากดึงคิ้วแล้ว นั้น รูปทรงคิ้วที่สักมาจะเป็นอย่างไรตามมา
10. มีความต้องการในผ่าตัดดึงหน้าหรือดึงคอร่วมด้วย ในการ ผ่าตัดครั้งเดียวกัน หรือไม่
11. ข้อจำกัดในบางรายที่ผ่าตัดดมยาสลบไม่ได้ หรือมีข้อห้าม
5. การผ่าตัดดึงคิ้ว (Brow Lifting Surgery)
ปัจจุบันมีหลากหลายเทคนิคตามความถนัดของแพทย์, ความพอใจในข้อดี – ข้อเสียของแต่ละวิธี,
ค่าใช้จ่าย และความเหมาะสมของภาวะคิ้วตกแต่ละสาเหตุ และโครงสร้างของแต่ละบุคคล
โดยปัจจัยที่ควรคำนึงในการเลือกและพิจารณามีหลายอย่าง อาทิเช่น
1. อายุ/วัย
2. ปริมาณผิวหนังที่ย่นหรือส่วนเกิน (Excess Skin Amount)
3. การเปลี่ยนแปลงของแนวไรผม Hair Line Level Change)
4. ความต้องการในการกำจัดรอยย่นหน้าผากถาวรร่วมด้วยหรือไม่ (Static Horizontal Forehead Line)
5. วิธีการยึดหลังจากดึงคิ้ว (Fixation Method) และความคงทน (Long Lasting) ที่เราต้องการ
6. การยอมรับในความเสี่ยงจากการผ่าตัดในแต่ละวิธีหรือไม่ เช่น แผลเป็น (Surgical Scar) , ความเสี่ยงต่อการผมร่วง (Hair Loss),การบาดเจ็บของเส้น ประสาทรับความรู้สึก บริเวณศีรษะ
7. ความต้องการในการผ่าตัดอย่างอื่นร่วมในการผ่าตัดดึงคิ้ว ครั้งนั้นหรือไม่ เช่น – เสริมแผ่นซิลิโคนหน้าผาก/ ขมับ – การกรอกระดูกสันคิ้ว ที่โหนกนูน มากเกินไป – การผ่าตัดดึงแก้มย้อยบริเวณใต้ตา (Midface Lifting) ร่วมด้วยหรือไม่
8. ความต้องการในการยกคิ้วแนวดิ่ง (Vertical Lifting) หรือ ยกคิ้วในแนวหางคิ้วออกไปแนวด้านข้าง (Temporal Lifting) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือต้องการยกคิ้วทั้ง 2 ทิศทางพร้อมกัน
9. การสักคิ้วมาก่อน (Eyebrow Tattoo) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ตำแหน่ง หรือรูปทรงว่าเป็นอย่างไรแล้ว ถ้าหลังจากดึงคิ้วแล้ว นั้น รูปทรงคิ้วที่สักมาจะเป็นอย่างไรตามมา
10. มีความต้องการในผ่าตัดดึงหน้าหรือดึงคอร่วมด้วย ในการ ผ่าตัดครั้งเดียวกัน หรือไม่
11. ข้อจำกัดในบางรายที่ผ่าตัดดมยาสลบไม่ได้ หรือมีข้อห้าม7. ความต้องการในการผ่าตัดอย่างอื่นร่วมในการผ่าตัดดึงคิ้ว ครั้งนั้นหรือไม่ เช่น – เสริมแผ่นซิลิโคนหน้าผาก/ ขมับ – การกรอกระดูกสันคิ้ว ที่โหนกนูน มากเกินไป – การผ่าตัดดึงแก้มย้อยบริเวณใต้ตา (Midface Lifting) ร่วมด้วยหรือไม่

เทคนิคการผ่าตัดดึงคิ้วที่นิยมในปัจจุบัน
Foxy Eye Surgery / Foxy Brow Lift Surgery

เทคนิคที่กำลังเป็นที่นิยมที่สุดในกลุ่มวัยรุ่นวัยกลางคนและกลุ่ม Celebrity ในปัจจุบันอาจมีเรียกชื่ออื่นเช่น
Cat Eye Surgery , The Fox Eye Surgery เป็นต้น มุ่งหวังให้หางคิ้วชี้ขึ้น (Angled Upward Eyebrow)
แลดูสดใสและอ่อนวัยมากขึ้น จึงเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหางคิ้วคว่ำลงหรือผู้ที่มีปัญหาหางคิ้วตก

1

การผ่าตัดโดยส่องกล้อง (Endoscopic Surgery)โดยการ เปิดแผลสั้นๆ เพื่อสอดเครื่องมือและกล้องในการผ่าตัดแล้ว ยึดตำแหน่งของคิ้วด้วยไหมหรือหมุดเป็นต้น แพทย์อาจ พิจารณาผ่าตัดกล้ามเนื้อขมวดคิ้ว (Glabella Complex) ร่วมด้วยในบางรายเทคนิคนี้เหมาะสำหรับ
  • เคสที่อายุน้อย (โดยเฉลี่ย 20-40 ปี)
  • ไม่ต้องตัดหนังส่วนเกิน เทคนิคนี้ ไม่เหมาะสำหรับ
    – ผู้ที่มีกระดูกหน้าผากโหนกนูนมาก
    – ผู้ที่มีแนวไรผมสูงอยู่แล้ว

2

การผ่าตัดแบบเปิดแผลกว้างขึ้น โดยการไม่ใช้กล้องตามแนว ที่ต้องการยกคิ้ว ในบริเวณหลังต่อแนวไรผมเดิม แนวการผ่าตัดที่นิยมมี 2 แนวทาง คือ

1.เปิดแผลผ่าตัดในแนวใต้ผิวหนัง หรือแบบตื้น
(Subcutaneous Plane)
2.เปิดแผลผ่าตัดในแนวใต้ต่อชั้น SMAS (SUBSMAS) และใต้ต่อชั้นเยื่อหุ้มกระดูก (Subperiosteal Plane) แล้วแต่ความเหมาะสมในแต่ละบุคคล และแนวการดึงคิ้ว ว่าจะทำในแนวดิ่ง หรือตามแนวข้างหรือขมับหรือจะดึง ทั้ง 2 ทิศทาง

เทคนิคการผ่าตัดดึงคิ้วที่นิยมในปัจจุบัน
Foxy Eye Surgery / Foxy Brow Lift Surgery

เทคนิคที่กำลังเป็นที่นิยมที่สุดในกลุ่มวัยรุ่นวัยกลางคนและกลุ่ม Celebrity ในปัจจุบันอาจมีเรียกชื่ออื่นเช่น
Cat Eye Surgery , The Fox Eye Surgery เป็นต้น มุ่งหวังให้หางคิ้วชี้ขึ้น (Angled Upward Eyebrow)
แลดูสดใสและอ่อนวัยมากขึ้น จึงเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหางคิ้วคว่ำลงหรือผู้ที่มีปัญหาหางคิ้วตก

1

การผ่าตัดโดยส่องกล้อง (Endoscopic Surgery)โดยการ เปิดแผลสั้นๆ เพื่อสอดเครื่องมือและกล้องในการผ่าตัดแล้ว ยึดตำแหน่งของคิ้วด้วยไหมหรือหมุดเป็นต้น แพทย์อาจ พิจารณาผ่าตัดกล้ามเนื้อขมวดคิ้ว (Glabella Complex) ร่วมด้วยในบางรายเทคนิคนี้เหมาะสำหรับ
  • เคสที่อายุน้อย (โดยเฉลี่ย 20-40 ปี)
  • ไม่ต้องตัดหนังส่วนเกิน เทคนิคนี้ ไม่เหมาะสำหรับ
    – ผู้ที่มีกระดูกหน้าผากโหนกนูนมาก
    – ผู้ที่มีแนวไรผมสูงอยู่แล้ว

2

การผ่าตัดแบบเปิดแผลกว้างขึ้น โดยการไม่ใช้กล้องตามแนว ที่ต้องการยกคิ้ว ในบริเวณหลังต่อแนวไรผมเดิม แนวการผ่าตัดที่นิยมมี 2 แนวทาง คือ

1.เปิดแผลผ่าตัดในแนวใต้ผิวหนัง หรือแบบตื้น
(Subcutaneous Plane)
2.เปิดแผลผ่าตัดในแนวใต้ต่อชั้น SMAS (SUBSMAS) และใต้ต่อชั้นเยื่อหุ้มกระดูก (Subperiosteal Plane) แล้วแต่ความเหมาะสมในแต่ละบุคคล และแนวการดึงคิ้ว ว่าจะทำในแนวดิ่ง หรือตามแนวข้างหรือขมับหรือจะดึง ทั้ง 2 ทิศทาง

เทคนิคการผ่าตัดดึงคิ้วที่นิยมในปัจจุบัน
Foxy Eye Surgery / Foxy Brow Lift Surgery

เทคนิคที่กำลังเป็นที่นิยมที่สุดในกลุ่มวัยรุ่นวัยกลางคนและกลุ่ม Celebrity ในปัจจุบันอาจมีเรียกชื่ออื่นเช่น
Cat Eye Surgery , The Fox Eye Surgery เป็นต้น มุ่งหวังให้หางคิ้วชี้ขึ้น (Angled Upward Eyebrow)
แลดูสดใสและอ่อนวัยมากขึ้น จึงเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหางคิ้วคว่ำลงหรือผู้ที่มีปัญหาหางคิ้วตก

1

การผ่าตัดโดยส่องกล้อง (Endoscopic Surgery)โดยการ เปิดแผลสั้นๆ เพื่อสอดเครื่องมือและกล้องในการผ่าตัดแล้ว ยึดตำแหน่งของคิ้วด้วยไหมหรือหมุดเป็นต้น แพทย์อาจ พิจารณาผ่าตัดกล้ามเนื้อขมวดคิ้ว (Glabella Complex) ร่วมด้วยในบางรายเทคนิคนี้เหมาะสำหรับ
  • เคสที่อายุน้อย (โดยเฉลี่ย 20-40 ปี)
  • ไม่ต้องตัดหนังส่วนเกิน เทคนิคนี้ ไม่เหมาะสำหรับ
    – ผู้ที่มีกระดูกหน้าผากโหนกนูนมาก
    – ผู้ที่มีแนวไรผมสูงอยู่แล้ว
BrowLift

2

การผ่าตัดแบบเปิดแผลกว้างขึ้น โดยการไม่ใช้กล้องตามแนว ที่ต้องการยกคิ้ว ในบริเวณหลังต่อแนวไรผมเดิม แนวการผ่าตัดที่นิยมมี 2 แนวทาง คือ

1.เปิดแผลผ่าตัดในแนวใต้ผิวหนัง หรือแบบตื้น (Subcutaneous Plane)
2.เปิดแผลผ่าตัดในแนวใต้ต่อชั้น SMAS (SUBSMAS) และใต้ต่อชั้นเยื่อหุ้มกระดูก (Subperiosteal Plane) แล้วแต่ความเหมาะสมในแต่ละบุคคล และแนวการดึงคิ้ว ว่าจะทำในแนวดิ่ง หรือตามแนวข้างหรือขมับหรือจะดึง ทั้ง 2 ทิศทาง
BrowLift

BEFORE & AFTER

รีวิว การผ่าตัดดึงคิ้ว

BEFORE & AFTER
รีวิว การผ่าตัดดึงคิ้ว

BEFORE & AFTER
รีวิว การผ่าตัดดึงคิ้ว