เวลาเราอายุมากขึ้น ใบหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง คือ จะมีการฝ่อเล็กในบางจุดของใบหน้า ทำให้แลดูโบ๋ลึก แลดูเหนื่อยล้าและไม่สดใส เริ่มจากบริเวณร่องใต้ตา , ร่องแก้มลึกขึ้น , ขมับตอบ , หน้าผากตอบ , แก้มตอบ , คางร่น ทำให้เห็นร่องน้ำหมากชัดขึ้น

ทั้งนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างหลายอย่างของใบหน้าตั้งแต่กระดูก กล้ามเนื้อ ไขมัน เนื้อเยื่อคอลลาเจนและไฮยารูรอน (HA) ใต้ผิวหนังมีปริมาณลดลงตั้งแต่เราอายุย่างเข้า 25 ปี ยิ่งบางคนชอบนอนดึกเป็นประจำ , สูบบุหรี่จัด , มีความเครียดสะสม , พักผ่อนไม่เพียงพอแถมยังรับประทานอาหารประเภทโปรตีนไม่เพียงพอ ทำให้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดได้เร็วและรุนแรงมากขึ้น จนทำให้อายุแก่กว่าวัยอันควร
ปัจจุบันการเติมเต็มใบหน้า (Facial Volumization) ให้ดูอิ่มเอิบขึ้นตามการออกแบบ (Design) ของแพทย์หรือตามบริเวณใบหน้าที่มีปัญหาเรื่องร่องลึก (Furrow) และบริเวณที่ใบหน้าตอบ โบ๋ลึก (Volume loss) จึงเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากทำให้แลดูอ่อนวัยขึ้น สดใสขึ้น หน้าเด็กขึ้นอย่างชัดเจน บางจุดสามารถช่วยยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อยได้อย่างดีอีกด้วย
การเติมเต็มใบหน้า (Facial Volumization)
การเติมเต็มใบหน้า (Facial Volumization) ทางการแพทย์มี 3 วิธี คือ
1.การเสริมวัสดุทางการแพทย์ (Facial Implant)
ที่มีความปลอดภัยสูง เช่น Silicone Sheet , Gortex , Medpor เป็นต้น ปัจจุบันสามารถเติมเต็มได้หลายจุด อาทิเช่น
- หน้าผาก (Forehead Implant)
- ขมับ (Temporal Implant)
- ใต้ตา (Midface Implant)
- ร่องแก้ม (Paranasal Sinus Implant)
- คาง (Chin Implant)
มีทั้งแบบ Standard Implant คือ แบบมาตรฐานสำหรับคนทั่วไปหรือแบบ Customized Implant แบบเฉพาะบุคคล โดยการใช้ภาพ CT-Scan ใบหน้าแล้วให้บริษัทผู้ผลิต ผลิตเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้งานที่ละเอียดและเหมาะสม (Fitting) กับใบหน้าของแต่ละคนมากยิ่งขึ้น จึงมีราคาที่สูงกว่าแบบมาตรฐานทั่วไป
2.ฟิลเลอร์ (Filler)
สารเติมเต็มที่สังเคราะห์ทางการแพทย์ในปัจจุบันมีสารหลายชนิดที่ผ่านองค์การอาหารและยา (อย.) ให้ใช้ได้อย่างปลอดภัย อาทิเช่น
2.1.Absorbable (Temporary) Materials
คือ สารสังเคราะห์ที่สลายได้
- HA ; Hyaluron
เป็นสารที่ปกติจะพบในชั้นหนังแท้ (Dermis) ของคนเราอยู่แล้ว ปัจจุบันเป็นสารสังเคราะห์ที่นิยมเป็นอันดับหนึ่ง จะอยู่ได้นานประมาณ 4-18 เดือน ตามขนาดโมเลกุลและเทคโนโลยีในการผลิตของแต่ละบริษัท - Calcium Hydroxyapatite
เป็นสารที่ปกติพบในกระดูกของคนเรา อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน - Poly-L-Lactic Acid (PLLA)
ปกติเป็นส่วนประกอบของไหมเย็บและสกรูที่ใช้ในการแพทย์
2.2. Non-Absorbable (Permanent) Materials
- Polymethyl Methacrylate Bead (PMMA) Microsphere
เป็นวัสดุที่เป็นส่วนประกอบของ Bone Cement และ Intra Ocular Lenses สารเติมเต็มชนิดนี้ ไม่ย่อยสลายในร่างกายคนเรา ดังนั้นความนิยมจึงมีน้อยกว่าสารชนิดแรกที่ย่อยสลายได้
ฟิลเลอร์เป็นสารสังเคราะห์ที่พร้อมใช้ ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อย (Short downtime period) จึงเหมาะสมกับคนที่มีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาและต้องการความสะดวก และใช้ในปริมาณไม่มาก
เนื่องจากมีข้อเสียบางอย่าง คือ ราคาสูง สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ในบางรายอาจเกิดปฏิกิริยาการแพ้ (Allergy) และการย่อยสลายช้ากว่าปกติ ทั้งนี้ อาจเกิดจากเอ็นไซม์ที่ย่อยสลาย HA ของแต่ละคนอาจจะมีปริมาณน้อยและประสิทธิภาพน้อยกว่าปกติ
3.ไขมันตัวเอง (Autologous Fat Graft / Fat Transfer)
การเติมเต็มด้วยไขมันมีความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นของเราเอง ไม่มีการแพ้ (Allergy) สามารถเก็บได้ปริมาณมาก ราคาประหยัดกว่าการเติมฟิลเลอร์ (Filler) และถ้าในคนที่ฉีดไขมันมาแล้ว ร่างกายสามารถ Take Graft ได้คือ ร่างการสามารถสร้างเส้นเลือดใหม่เล็ก ๆ (Neovascularization) เข้าไปหาเพื่อส่งเลือดและอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์ไขมัน (Fat Graft) ได้อย่างสมบูรณ์ ไขมันก็จะอยู่รอดได้ตลอดชีวิต
แต่ในบางคนไม่สามารถ Take Graft ได้อย่างสมบูรณ์ อัตราการอยู่รอดของเซลล์ไขมันอาจจะไม่ถึงเป้าหมายที่คาดหวังด้วยเหตุผลต่าง ๆ กัน เช่น
- เทคนิคของแพทย์แต่ละท่าน (Surgical Skills)
- ความสมบูรณ์ของพ่อพันธ์ แม่พันธ์ คือ Fat Graft ของแต่ละบุคคลว่ามีสุขภาพที่ดี แข็งแรงหรือไม่ (Fat Graft Status)
- การดูแลตนเองที่ถูกต้องตามหลักทางการแพทย์หลังการเติมไขมัน (Comprehensive Postoperative Cares)


ขั้นตอนการเติมไขมัน
- แพทย์วางแผนและออกแบบใบหน้าว่าจะเติมเต็มบริเวณไหน เพื่อให้ได้รูปหน้าที่เหมาะสมในแต่ละคน
- แพทย์จะดูดไขมันจากบริเวณอื่นของร่างกายที่งานวิจัยพบว่า จะได้สเต็มเซลล์ของไขมันที่ดี เช่น ท้องน้อย , ต้นขาด้านนอก , ต้นขาหน้าและต้นขาด้านใน ตามความดุลยพินิจของแพทย์
- โดยทั่วไป เราสามารถดูดไขมันโดยการใช้ยาชาแบบ Tumescent Technique ไม่จำเป็นต้องใช้ยาสลบแบบดมหรือฉีดเข้าเส้นเลือด (General Anesthesia) ที่มีความเสี่ยงสูง
เทคนิค (Tumescent Technique) นี้ มีข้อดีหลายอย่าง อาทิเช่น- มีความปลอดภัยสูง สำหรับการทำในคลิินิก
- ป้องกันการติดเชื้อได้
- ลดอาการปวดได้ดี
- แผลหายเร็ว
- แพทย์ปั่นแยก (Centrifugation) ไขมัน (Aspirated Fat) ที่ดูดออกมาด้วยแรงปั่นที่พอเหมาะ เพื่อแยกเอาสิ่งเจือปนที่เราไม่ต้องการออกทิ้ง จนได้ไขมันที่บริสุทธิ์ (Fat Graft) พร้อมเติมเต็มบริเวณหน้าที่ออกแบบไว้
- บางครั้งเพื่อเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเซลล์ไขมันมากขึ้น แพทย์อาจพิจารณาเพิ่มเทคนิคต่าง ๆ ตามความเหมาะสมในแต่ละราย เช่น
- การเติม PRP (Platelet Rich Plasma) ที่อุดมด้วยสาร Growth Factor หลายชนิด เช่น
- Fibroblast Growth Factor (FGF)
- Epidermal Growth Factor (EGF)
- Vascular Endothelial Growth Factor (VEGF)
- การทำ Nano Fat Graft เพื่อให้ได้ขนาด Fat Graft ที่เล็กลง เหมาะสำหรับการเติมเต็มในบริิเวณผิวชั้นตื้น , ใต้ตา (Tear Trough Deformity) และบริเวณตาโบ๋ลึก (Sunken Eye) เป็นต้น
- การทำให้ Fat Graft มีจำนวนสเต็มเซลล์ (Stem Cell) ปริมาณมากขึ้น ก่อนนำไปฉีด (Cell Assisted Adipose Derived Stem Cells , ADSC , หรือ Cell-Assisted Lipotransfer (CAL)
- ฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า 1-2 สัปดาห์ก่อนฉีดไขมัน โดยเฉพาะคนที่มีกล้ามเนื้อใบหน้าเกร็งตัวบ่อยและง่าย (Hypertonic Facail Muscle) ลดการกดเบียดไขมันที่ฉีดลงบนใบหน้า
- การเติม PRP (Platelet Rich Plasma) ที่อุดมด้วยสาร Growth Factor หลายชนิด เช่น
- แพทย์จะฉีดและเติมเต็มบริเวณใบหน้าที่ได้วางแผนไว้ก่อนหน้า (Facial Design) ที่ตามเทคนิคและประสบการณ์ของแต่ละบุคคล วิธีที่นิยมและเป็นมาตรฐาน คือ Micro Fat Graft
การดูแลตัวเองหลังการเติมไขมันหน้าเด็ก ›
บริเวณที่นิยมในการเติมไขมันหน้าเด็ก
- เสริมหน้าผาก (Forehead Augmentation)
- ขมับ (Temporal Augmentation)
- แก้ตาโบ๋ลึก (Sunken Eye Correction)
- แก้ตาคล้ำ (Dark Circle Correction)
- ร่องใต้ตา (Tear Trough Deformity Correction)
- แก้มตอบ (Sunken Cheek & Submalar Depression)
- ร่องแก้ม ( Deep Nasolabial Fold)
- สันจมูกเตี้ย (Low Radix)
- เสริมคาง (Chin Augmentation)
- ปรับรูปหน้า (Facial Reshaping)
ปัจจุบัน มีบริการเก็บไขมัน (Fat Graft Banking) สำหรับคนที่ชื่นชอบในการเติมไขมันหน้าเด็ก ต้องการความสะดวก ไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย อยากจะเก็บ Fat Graft ไว้เติมครั้งถัดไปโดยไม่ดูดไขมันอีกครั้ง
ดังนั้น คนที่สนใจในการเติมเต็มไขมันหน้าเด็ก ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้า , ความพร้อม ความสมบูรณ์ของตนเองว่าจะได้ Fat Graft ที่ดีเพียงใด การออกแบบในการเติมไขมันว่าจะเติมจุดไหนแล้วจะได้รูปหน้าที่ดี เหมาะสมกับบุคลิกภาพของตนเอง ตลอดจนการเตรียมตัวเพื่อให้ได้ Fat Graft คุณภาพที่ดีและการดูแลตนเองที่ถูกต้องหลังการเติมไขมัน เพื่อให้ได้ผลการเติมไขมันหน้าเด็กที่สมบูรณ์ มีอัตราการอยู่รอดที่สูงและพอใจกับผลที่ได้รับครับ