การดูแลตัวเองหลัง
ผ่าตัดตา 2 ชั้น , ตัดหนังตาใต้คิ้ว

การใช้ยา

  1. ยารับประทาน รับประทานยาแก้อักเสบตามแพทย์ระบุอย่างเคร่งครัด   เพื่อป้องกันการติดเชื้อและแผลเป็น      ถ้ายาชาหมดฤทธิ์จะรู้สึกปวดส่วนที่ทำศัลยกรรม    ให้ทานยาแก้ปวดที่ทางคลินิกจัดให้ คือ Tylenol (500 mg) 2 เม็ดเวลาปวด  สามารถทานซ้ำได้ทุก 4 – 6 ชั่วโมง   และรับประทานยาลดบวม 2 เม็ด หลังอาหารเช้าวันรุ่งขึ้น ควรรับประทานหลังอาหารทันทีและดื่มน้ำตาม 2 แก้ว เพื่อป้องกันการระคายเคืองกระเพาะอาหาร (กรณีบวมมากแพทย์อาจจัดยาลดบวมทานเพิ่มอีก 2 มื้อ)
  2. ยาหยอดตาเพื่อป้องกันเยื่อบุตาอักเสบ
    หยอดตาทั้ง 2 ข้าง วันละ 4 ครั้ง คือ เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน
  3. ยาป้ายตา เพื่อป้องกัน เยื่อบุตาอักเสบและตาแห้ง (เป็นชนิดเดียวกันกับยาป้ายแผล) ป้ายตา 2 ข้าง ก่อนนอน ; ไม่ควรป้ายเวลากลางวันเพาะอาจปิดบังการมองเห็นได้ : กรณีทำตาบนแล้วไม่มีอาการตาบวมแดงหรือตาแห้ง อาจไม่จำเป็นต้องป้ายยาก็ได้
  4. ยาขี้ผึ้งป้ายแผลเพื่อป้องกันแผลอักเสบติดเชื้อ ทำให้แผลติดเร็วและป้องกันแผลเป็น (เป็นยาชนิดเดียวกันกับยาป้ายตา)
  5. ใช้ Cotton bud ป้ายบริเวณแผลหลังทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือเอาคราบน้ำเหลือง และเลือดออก ในช่วง 3 วันแรกควรป้ายบ่อย ๆ (4 – 6 ครั้งต่อวัน) หลังจากนั้นป้ายต่ออีกวันละ 3 – 4 ครั้ง จนกระทั่งตัดไหม และหลังตัดไหมป้ายวันละ 2 ครั้งไปอีก 1 สัปดาห์
  6. น้ำตาเทียม เพื่อให้บรรเทาอาการตาแห้ง และระคายเคืองตา หยอดบ่อย ๆ เท่าที่ทำได้ ถ้าหากมีอาการตาแห้ง และระคายเคืองตาเนื่องจากใน
  7. ช่วงแรก ๆ (1 – 2 สัปดาห์) อาจมีอาการหลับตาไม่สนิท หรือรู้สึกเคืองตา โดยเฉพาะการผ่าตัดแก้หนังตาตกทั้งนี้เนื่องจากอาการบวมของเนื้อเยื่อหลังการผ่าตัด ซึ่งอาการดังกล่าวจะค่อยๆ หายไปเอง

การดูแลแผลผ่าตัด

  1. หลังจากผ่าตัดทันที เจ้าหน้าที่จะใช้เทปแปะเหนือหนังตาบนไว้เป็นเวลา 2 วันแล้วค่อยดึงออก
  2. กระดาษที่แปะบริเวณหางตาอาจหลุดเองไม่ต้องตกใจกลัวให้ทาขี้ผึ้งหรือยาป้ายแผลบ่อย ๆ
  3. ใน 1 – 2 วันแรกหลังผ่าตัดจะมีน้ำเหลืองจางๆ ซึมออกมาจากแผลไม่ต้องตกใจกลัวให้ใช้ Cotton bud หรือผ้าก็อซที่สะอาดคอยซับออก โดยเฉพาะช่วง 4 – 6 ชั่วโมงแรกอาจต้องซับออกบ่อย ๆ แล้วใช้ยาป้ายแผล ไม่ควรปล่อยให้มีคราบน้ำเหลือง หรือน้ำเลือดเกรอะกรังที่แผลเพราะจะทำให้แผลหายช้า ติดเชื้อ และเกิดแผลเป็นได้
  4. ไม่ควรให้แผลถูกน้ำจนกว่าจะตัดไหม (ยกเว้นน้ำจาก cold pack , ยาหยอดตา , และน้ำเกลือเช็ดแผล)
  5. ประคบเย็นบริเวณใต้ตา เป็นระยะ ๆ ใน 24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด (โดยใช้ผ้าก็อซที่สะอาดรองก่อนประคบ) เพื่อลดการบวมช้ำ หลังประคบ
  6. ถ้าขี้ผึ้งที่ป้ายไว้หลุด ควรทาขี้ผึ้งที่แผลใหม่ด้วย หลังจาก 3 วันไปแล้วถ้ายังมีอาการบวมเขียวช้ำอยู่อาจประคบอุ่นเป็นระยะได้
  7. ในช่วง 5 วันแรกจะมีอาการบวมช้ำ แต่จะค่อยๆ หายบวมภายใน 1 – 2 สัปดาห์ และจะหายสนิทเต็มที่ภายใน 3 – 6 เดือน (แล้วแต่ความยากง่ายของการผ่าตัด และสภาวะเนื้อเยื้อและผิวของแต่ละคน)
  8. ถ้าเป็นการผ่าตัดหนังตาบน (ทำตา 2 ชั้น) หลังผ่าตัดจะแลดูชั้นตาใหญ่กว่าปกติ ไม่ต้องกังวลใจ ชั้นตาจะค่อยๆ เล็กลงเรื่อย ๆ ภายในระยะเวลา 1 – 3 เดือน
  9. หลังจากตัดไหม ควรทาขี้ผึ้งบริเวณแผล เช้า – เย็น ไปอีก 7 วัน เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็น
  10. ห้ามใช้ยาหรือครีมรักษาแผลเป็น ที่คลินิกไม่ได้จัดให้มาทาบริเวณแผลเป็นอันขาด เนื่องจากบางคนแพ้ครีม & ยา หรือใช้ทาผิด หรือยาทาแผลเป็นบางชนิดมีฤทธิ์ระคายเคืองผิวยิ่งทำให้เกิดแผลเป็นมากขึ้นด้วย

การดูแลแผลทั่วไป

  1. ใน 2 วันแรกหลังผ่าตัดควรนอนศีรษะสูง 30 องศาเพื่อลดอาการบวม
  2. ให้นอนหงาย (หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคง) โดยเฉพาะใน 2 สัปดาห์แรกและควรนอนหงายทุกคืน เป็นเวลา 1 เดือน
  3. งดรับประทานอาหารที่มีรสจัด, ของเผ็ด, ของร้อน, เครื่องดื่มแอลกอฮอร์, ชา ,กาแฟ
  4. งดการตากแดดจัดเป็นเวลา 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
  5. ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก อาจมีอาการหลับตาไม่สนิท เนื่องจากอาการบวมแดงของหนังตา และอาจมีอาการตาแห้ง ระคายเคืองตา ให้หยอดน้ำตาเทียมบ่อย ๆ และป้ายขี้ผึ้งก่อนนอน จนกว่าจะหายจากอาการดังกล่าว
  6. ในกรณี ผ่าตัดหนังตาบนและทำตา 2 ชั้น โดยเฉพาะ Case ที่ผ่าตัดแก้กล้ามเนื้อหนังตาหย่อน
    อาจมีอาการเคืองตาเล็กน้อย ขณะลืมตา อาการดังกล่าวจะหายไปเองภายใน 2 สัปดาห์
    ห้ามขยี้ตาเป็นอันขาด
  7. งดการใช้คอนแทคเลนช์เป็นเวลา 1 เดือน
  8. งดการใช้แว่นตาสำหรับว่ายน้ำเป็นเวลา 2 เดือน
  9. งดออกกำลังกายอย่างหนัก , ซาวน่า และนวดบริเวณผ่าตัด 1 เดือน
  10. งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 เดือน เนื่องจากบุหรี่ทำให้แผลหายช้า ติดยาก
    และทำให้โอกาสของการเกิดแผลเป็นมากขึ้น
  11. ห้ามเลิกคิ้วขึ้น เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เนื่องจากการเลิกคิ้วอาจทำให้ชั้นตาหลุดได้

กรณีฉุกเฉิน / นอกเวลาทำการ

คุณสามารถโทร. 089 130 5448 หรือ 098 251 0413 ได้เลย  เรามีผู้เชี่ยวชาญค่อยดูแลคุณเสมอครับ

คุณสามารถแชท หรือ โทร. 089 130 5448 หรือ 098 251 0413 ได้เลย     เรามีผู้เชี่ยวชาญค่อยดูแลคุณเสมอ