คำแนะนำหลังเสริมจมูก
- ใช้ก้านสำลี (Cotton Buds) ชุบน้ำเกลือที่สะอาด ซับทำความสะอาดแผลในรูจมูกเบา ๆ โดยไม่ถูแรง และใช้ก๊อซสะอาดชุบน้ำเกลือพอหมาด ซับทำความสะอาดแผลปีกจมูกและแผลปลายจมูก ตั้งแต่หลังผ่าตัดใหม่ ๆ จนถึงวันนัดตัดไหมโดยไม่ปล่อยให้เกิดสะเก็ดแผลเกรอะกรัง เพราะจะทำให้แผลหายช้าและติดเชื้อได้ง่ายขึ้น (โดยเฉพาใน 2-3 วันแรก หลังผ่าตัด จะมีน้ำเหลืองปนเลือดเก่า ๆ ไหลออกจากจมูก จึงต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ ยิ่งในช่วง 6 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด ต้องซับบ่อย ๆ เป็นพิเศษ)
- ให้นอนหงายศีรษะสูงประมาณ 30 องศา หลังผ่าตัด 1 สัปดาห์ เพื่อลดอาการบวมของแผลและใบหน้า
- ประคบเย็นบริเวณข้าง ๆ จมูกและระหว่างคิ้ว 1 – 2 วันแรกหลังผ่าตัดเพื่อลดและป้องกันการบวมช้ำ
- รับประทานยาแก้อักเสบตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดจนหมด เพื่อป้องกันการอักเสบและติดเชื้อ
- สำหรับยาลดบวมให้ทานในวันรุ่งขึ้นและทานหลังอาหารทันทีและทานน้ำตาม 2 แก้ว เนื่องจากยาดังกล่าวอาจระคายเคืองกระเพาะอาหาร
- งดอาหารหวาน อาหารรสจัด อาหารเผ็ดร้อน ของหมักดองและแอลกอฮอล์
- กรณีผ่าตัดแบบ Close และ Semi-Open งดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- กรณีผ่าตัดแบบ Open งดอย่างน้อย 1 เดือน
- หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำจนถึงวันนัดตัดไหม
- งดการออกกำลังกายและเที่ยวกลางคืน 1 เดือน หลังผ่าตัด
- งดการนอนคว่ำ , นอนตะแคง , การนวดหน้า 1 เดือนหลังผ่าตัด ระวังอย่าให้บริเวณผ่าตัดโดนกระแทก
- งดการฉีกยิ้ม หัวเราะบ่อย ๆ และอ้าปากกว้างเพราะจะทำให้แผลปริหรือแยกได้
- งดทานอาหารแข็งหรือเหนียว ที่ต้องเคี้ยวบ่อย ๆ เพราะจะทำให้แผลปริหรือแยกได้เช่นกัน
- พลาสเตอร์ที่ติดประคองจมูกไว้ให้แกะออกเบา ๆ ได้ 3 วันหลังผ่าตัดในกรณีผ่าตัดแบบ Close และ Semi-Open
- กรณีที่ใส่เฝือกหลังการผ่าตัด จะต้องใส่เฝือกดามจมูกไว้ อย่างน้อย 7 วัน
- ไหมที่เย็บแผลในรูจมูกจะหลุดและละลายเองภายใน 2 สัปดาห์ ส่วนไหมที่เย็บภายนอกและแผลตัดปีกจมูก เป็นไหมไม่ละลาย ทางคลินิกจะนัดมาตัดไหม หลังผ่าตัด 7-10 วัน (ห้ามดึงหรือถอนออกโดยเด็ดขาด)
- กรณีมีแผลจากการผ่าตัดเอากระดูกอ่อนหลังหูมาใช้ ทางคลินิกจะนัดมาเปิดแผลหลังผ่าตัด 3 วัน
- งดใส่แว่นตา 1 เดือน
- บริเวณแผลผ่าตัดจะบวมมากในวันที่ 2 หลังผ่าตัด ไม่ต้องตกใจ อาการบวมจะค่อย ๆ ลดลงใน 1 สัปดาห์ รูปทรงจมูกจะเข้ารูปเต็มที่กรณีผ่าตัดแบบ Close และ Semi Open เวลาประมาณ 1-3 เดือนหลังผ่าตัด และกรณีผ่าตัดแบบ Open ใช้เวลาประมาณ 6–12 เดือนหลังผ่าตัด
- สามารถเริ่มทานวิตามินบำรุงและยาที่มีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด ได้แก่ Fish Oil , Vitamin E C , Grape Seed , Green Tea , สารสกัดจากแปะก๊วย , กระเทียมได้ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด ยกเว้น Surtamin หรือ Colla Pure สามารถทานได้เลยโดยไม่ต้องงด
- ต้องมาพบแพทย์เพื่อติดตามผลการผ่าตัดตามวัน / เวลาที่ทางคลินิกนัดหมายอย่างเคร่งครัด
- ในกรณีที่เป็นหวัด น้ำมูกไหล หลังการผ่าตัดต้องรีบแจ้งให้คลินิกทราบทันทีเพราะถ้าไม่รีบรักษา อาจชักนำให้เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรงได้
คำแนะนำเกี่ยวกับการหายของแผลและการฟื้นฟูของแผลผ่าตัด
- ตัดไหม 7 วัน แต่บางคนแผลอาจจะหายช้า จากสภาพผิวของแต่ละคน เช่น ผิวหนา ผิวมัน อาจตะดไหมที่ 10-14 วัน
- แผลบริเวณผ่าตัดจะบวมเต็มที่ในวันที่ 3 และค่อยๆ ยุบลง
- 7 – 10 วัน พอที่จะไปวัดไปวาได้
- 1 เดือน แผลจะเข้าที่ประมาณ 70 %
- 3 เดือน แผลจะเข้าที่ประมาณ 90 %
- 6 เดือน – 1 ปี แผลจะเข้าที่เกือบ 100 % ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน ขนาดแผลผ่าตัดและสภาวะการขัดขวางการหายของแผล (สูบบุหรี่ , ขาดสารอาหาร , โลหิตจาง , โรคเรื้อรังและภูมิคุ้มกันของร่างกาย)
คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังตัดไหม
- ให้ทาแผลด้วยขี้ผึ้งยาบาง ๆ เช้า – เย็น ต่อเนื่อง 1 สัปดาห์
- แผลที่หายใหม่โดยปกติจะมีอาการคันบ่อย ๆ ห้ามแกะ เกา โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้แผลผ่าตัดแยกกันได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลเป็นและติดเชื้อซ้ำซ้อนได้ แต่ถ้าคันมากให้แก้โดยทาขึ้ผึ้งยาที่คลินิคจัดให้แทน
- ห้ามให้ยาทาแผลเป็นที่คลินิกไม่ได้โดยแนะนำเด็ดขาด
- ถ้าต้องการใช้ยาทาครีมหรือเจลสำหรับป้องแผลเป็นให้เริ่มใช้หลังตัดไหม 7 วัน หรือตามดุลยพินิจของแพทย์ วิธีการทาห้ามใจร้อย ให้ทาแผลบางๆ วันละ 1 ครั้ง สัก 5 วัน หากไม่มีการระคายเคืองหรือแดงคันให้ทาบางๆ วันละ 2 ครั้ง ไปเรื่อยๆ จนกว่าแผลจะหาย
ข้อควรระวัง
- ระวังไม่ให้เข้าปาก (เมื่อทายาแล้ว ควรล้างมือทุกครั้ง)
- หลีกเลี่ยงการสำผัสกับกระจกตา เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเยื้อยุบตาอักเสธได้