สวัสดีครับ เรามาพบกันอีกเช่นเคยนะครับ ทาง Dr.Gorn Aesthetique Channel ที่เราจะมาพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับสาระน่ารู้ ศัลยกรรมความงามบนใบหน้าแบบลงลึกกันครับ สำหรับบทความนี้ เราก็จะมาพูดคุยกันถึงปัญหาที่หมอได้เขียนอธิบายเรื่อง สาเหตุของการหย่อนคล้อยของใบหน้า ในบทความที่แล้วนะครับ ซึ่งเราทบทวนกันนิดหน่อยนะครับว่าบทความที่แล้ว
หมอพูดถึงเรื่องสาเหตุการหย่อนคล้อยเกิดจากประเด็นหลัก ๆ ก็คือในเรื่องของ มวลกระดูกของใบหน้านะครับ ที่คนเราพออายุมากขึ้นนะครับ กระดูกใบหน้าเราจะฝ่อและก็เล็กลงนะครับ ทำให้เนื้อเยื่อที่บริเวณใบหน้าก็จะตกลงตามแรงโน้มถ่วง ก็จะหย่อนคล้อยลงมานะครับ บางคนอาจจะเกิดจากการใช้ชีวิตที่มากเกินไป ได้รับมลพิษ สูบบุหรี่มาก หรือบางคนอาจจะไปผ่าตัดทุบโหนกแก้มมา โดยอาจจะทุบมากเกินไปเพื่อทำให้มันเล็ก ทำให้กระดูกที่เป็นฐานรองบริเวณโหนกแก้มยุบตัวลง เนื้อเยื่ออ่อนของใบหน้าก็ตกลงตามไปด้วย หรืออาจจะเกิดจากเอ็นยึดหน้า (Facial Ligament ) ที่มันหย่อนยานตามอายุนะครับ ก็จะทำให้ทุกอย่างหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วงนะครับ ผนึกกำลังกันจากปัจจัยหลาย ๆ ส่วน ทำให้มันยิ่งหย่อนคล้อยมาก
สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหาเรื่องของการหย่อนคล้อยมีหลายวิธี จะเลือกใช้วิธีไหนขึ้นอยู่กับความหย่อนคล้อยใบหน้ามากหรือน้อย มีเวลาพักฟื้นมากน้อยเพียงใด และความชอบของแต่ละบุคคลครับ
สำหรับวิธีแรกที่คนส่วนใหญ่มักเลือกทำเป็นวิธีแรก เนื่องด้วยเป็นวิธีที่สบาย ๆ ไม่ต้องผ่าตัด (Noninvasive Face Lift Procedure) เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น และการหย่อนคล้อยยังไม่มาก หลังทำสามารถที่จะกลับบ้านได้โดยที่อาจจะไม่ต้องพักฟื้นอะไรมากมายนะครับ อย่างเช่นในเรื่องของการฉีดโบทูลินุ่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) กระชับกรอบหน้า การฉีดสารเติมเต็มฟิลเลอร์ (Filler) ยกหน้าตีกรอบหน้า การร้อยไหมแบบต่าง ๆ ยกกระชับใบหน้าหรือบางคนอาจเลือกการยิง HIFU ยกกระชับใบหน้าหรือในบางคนเนี่ยชอบศาสตร์เก่าๆ อย่างเช่น เรื่องของการนวด หรือการเคาะหน้า เป็นต้นนะครับ
แต่การทำวิธีเหล่านี้ อาจจะไม่ได้ผลหรือได้ผลไม่เป็นที่พอใจในคนที่มีการหย่อนคล้อยค่อนข้างเยอะนะครับ ดังนั้นอาจจะต้องใช้วิธีการผ่าตัด ซึ่งหมอได้อธิบายเกริ่นไว้แล้วในบทความที่แล้วก็คือ การผ่าตัดดึงหน้า ดึงคอ (Face & Neck Lift Surgery) นะครับ ในบทความนี้เราก็จะมาทำความเข้าใจกันเรื่องนี้นะครับ
การผ่าตัดดึงหน้า ดึงคอ ทางการแพทย์ปัจจุบัน เราแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลัก ๆ นะครับ
1.การผ่าตัดดึงหน้าแบบชั้นตื้น
แพทย์ก็จะเลาะในชั้นใต้ผิวหนังชั้นตื้นหรือในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous layer) ซึ่งจะอยู่เหนือชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า (SMAS Layer) เพราะฉะนั้นวิธีการดึงแบบนี้นะครับ สามารถที่จะดึงได้ไม่มากนะครับ อาจจะดึงได้บริเวณจำกัด ที่นิยมผ่าตัดดึงบ่อย ๆ คือบริเวณขมับ เป็นต้น อาจจะไม่ได้สามารถที่จะดึงบริเวณร่องแก้มหรือมุมปากที่ตกได้มากนัก จึงเหมาะสำหรับคนที่มีความหย่อนคล้อยไม่มาก หรือกรณีบางท่านที่ไปผ่าตัดดึงหน้ามาแล้วนะครับและการผ่าตัดที่จะทำซ้ำ การผ่าตัดซ้ำไม่สามารถที่จะทำการผ่าตัดที่ยุ่งยากและซับซ้อนมากขึ้น มีความเสี่ยงมากขึ้นในการแก้ไขได้ก็จะเลือกใช้วิธีแบบนี้
การผ่าตัดดึงหน้าวิธีนี้จะมีข้อเสียอีกอย่างหนึ่ง คือ ในเรื่องของแรงตึงผิว (Skin Tension) บริเวณบาดแผลผ่าตัด ซึ่งถ้าเกิดมีแรงตึงของแผลผ่าตัดค่อนข้างเยอะ ทางการแพทย์เราถือว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นได้มากขึ้น หรือว่าเกิดแผลเป็นนูนโต (Keloid )บริเวณแผลผ่าตัดนั่นเอง
2.การผ่าตัดดึงหหน้าแบบชั้นลึก
การผ่าตัดดึงหน้าแบบชั้นลึก (Deep Plane Face Lift) นะครับ วิธีนี้แพทย์ผู้ผ่าตัดจะเลาะดึงในชั้นที่ใต้ต่อกล้ามเนื้อชั้นตื้นของใบหน้า (SMAS Layer) รวมถึงมีการผ่าตัดเปลี่ยนจุดเกาะเอ็นยึดใบหน้าใหม่ให้กระชับมากขึ้นนะครับ เพราะฉะนั้น หมอจะสามารถที่จะยกใบหน้าขึ้นได้มากกว่า ได้แรงกว่า ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานกว่าการผ่าตัดดึงหน้าแบบเดิมหรือการผ่าตัดดึงหน้าแบบชั้นตื้น
การผ่าตัดวิธีนี้ หมอสามารถที่จะควบคุมแนวแรงดึงในการดึงแต่ละตำแหน่งบนใบหน้าได้ละเอียด ผลของการผ่าตัดแบบนี้ จะได้อยู่ได้นานกว่า และแนวการดึงของใบหน้าจะดูธรรมชาติโดยการควบคุมทิศทางการดึงในชั้นลึก (SMAS Layer) เวลาหมอผ่าตัดดึงหน้าวิธีนี้ หมอจะผ่าตัดดึงชั้นลึกขึ้นก่อนแล้วค่อยผ่าตัดดึงชั้นตื้นในตอนท้าย ทำให้แรงตึงบริเวณแผลผ่าตัดก็จะน้อย เพราะฉะนั้นการผ่าตัดแบบนี้ จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นหรือคีลอยด์น้อยกว่าวิธีแรกมาก การผ่าตัดดึงหน้าแบบชั้นลึกจึงเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องของการหย่อนคล้อยของใบหน้าค่อนข้างเยอะ หรือในคนที่มีปัญหาร่องแก้มลึก ๆ มุมปากตกเยอะ ถุงหมาจูเห็นชัดเจน เป็นต้นนะครับ
สำหรับเทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าแบบชั้นลึก (Deep Plane Face Lift ) ได้มีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ นะครับ จนปัจจุบันมีเทคนิคการผ่าตัดสมัยใหม่ที่ได้ผลค่อนข้างดีมากนะครับ ก็คือ เทคนิคในเรื่องของ Extended Deep Plane Face Lift หรือล่าสุดก็จะมี เทคนิคที่เรียกว่า High SAMS Face Lift นั่นเองนะครับ ซึ่งสามารถลดร่องแก้มและก็มุมปากได้ผลดีกว่าเทคนิคปกติทั่วไปนะครับ ซึ่งตัวหมอเองนะครับ ก็ชอบวิธีนี้นะครับ คนไข้ที่มาปรึกษาดึงหน้ากับหมอ มักมีความกังวล ก็คือ พอฟังถึงการผ่าตัดดึงหน้าแล้วก็จะรู้สึกว่ากลัวการดมยาสลบนะครับ
ปัจจุบันนี้ ทางการแพทย์เรามีการพัฒนาไปมาก สำหรับคนที่กลัวการดมยาสลบ กลัวในเรื่องของความเสี่ยงจากการดมยา ก็เราสามารถทำการผ่าตัดโดยใช้ยาชาเฉพาะที่ได้
เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่สนใจหรือมีปัญหาเรื่องของหย่อนคล้อยที่ค่อนข้างเยอะ หรืออาจจะไปยกกระชับใบหน้าด้วยวิธีอื่นๆ มาแล้วหลายอย่าง เช่น ฉีดสารโบทูลินั่ม ร้อยไหม หรือ HIFU แล้วไม่ได้ผลอย่างที่ตัวเองคาดหวัง สามารถเข้ามาปรึกษาได้นะครับ เพื่อให้คุณหมอประเมินว่าวิธีไหนที่จะเหมาะสำหรับตัวคุณเอง และเลือกเทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าที่เหมาะสมร่วมกับคุณหมอแบบเคสต่อเคส เพื่อให้ได้ผลที่น่าพอใจ มีภาวะแทรกซ้อนที่น้อยที่สุด และที่สำคัญก็ป