fbpx

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

เปิดโหงวเฮ้ง  ย้อนวัย ให้สดใสขึ้นแถมได้ตา 2 ชั้น ที่เป็นธรรมชาติไม่โบ๋ลึกและชั้นใหญ่เกินไป

ศัลยกรรมตา 2 ชั้น แบบยกหางคิ้วและแผลใต้คิ้ว

ตาสองชั้น แบบยกหางคิ้วและแผลใต้คิ้ว คือ อะไร ?

การผ่าตัดและตกแต่งหนังตาบน (Blepharoplasty) และ/หรือ การตกแต่งกล้ามเนื้อหนังตาและคิ้ว (Browplasty)     เพื่อยกหางตาและยึดหางคิ้ว (Browpexy) ให้อยู่ที่เดิม   ป้องกันหางคิ้วตกได้ด้วย   

ปัจจุบัน ทำให้ได้รับความนิยมในเป็นอย่างมากในหมู่ชาวเอเชียโดยเฉพาะประเทศไทย   เนื่องจากสรีระและกายวิภาคของหนังตาและกระดูกเบ้าตาเหมาะสำหรับเทคนิคนี้    นอกจาก Subbrow Lift ยังสามารถแก้ไขภาวะหนังตาบนด้านข้างตก (Lateral Hooding) ได้ผลดีมาก

ศัลยกรรมตา 2 ชั้น แบบยกหางคิ้วและแผลใต้คิ้ว

ขั้นตอนการผ่าตัด

  1. แพทย์ออกแบบแนวการผ่าตัดตามปัญหาโครงสร้างและ Degree การตกของหนังตา (Lateral Hooding) และ Design ของชั้นตาบนของแต่ละบุคคล
  2. ก่อนผ่าตัด แพทย์จะ Block เส้นประสาทรับความรู้สึก (Local Nerve Block)   เพื่อควบคุมความเจ็บปวดระหว่างการผ่าตัดได้อย่างดี    ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ (General Anesthesia)
  3. ในบางเคส แพทย์พิจารณาการผ่าตัดตกแต่งกล้ามเนื้อหนังตาด้านข้าง เพื่อลดแรงดึงของหางคิ้วลง    ผลพลอยได้ ทำให้รอยตีนกา (Dynamic wrinkle ; Crow’s feet) เกิดน้อยลง   ประหยัดค่า Botulinum Toxin ได้อีกด้วย
  4. ในบางเคสที่มีปัญหาการสักคิ้วมาก่อน (Previous Eyebrow Tattoo) แล้วขนาดและทรงของคิ้วไม่ดีหรือไม่พอใจ แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดตกแต่งทรงคิ้ว (Browplasty) ในคราวเดียวกัน   โดยที่คนไข้ไม่ต้องเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายในการยิงเลเซอร์ลบรอยสัก (Eyebrow Tattoo Removal)   และบางรายมีร่องรอยหลังยิงเลเซอร์ชัดเจน
  5. ในบางเคส ที่หนังตาบนบวม / นูน (Puffy Upperlid) มากจากไขมันชั้นใต้กล้ามเนื้อ (Retro Orbicularis Oculi Fat ; ROOF) มีปริมาณมากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งในการทำให้หนังตาบนตกมากขึ้น (Lateral Hooding)   แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดลดปริมาณ (ROOF) เพื่อให้ตา 2 ชั้นละมุนมากขึ้น
  6. ก่อนการเย็บปิดแผล แพทย์จะใช้ไหมที่มีคุณภาพสูง   ทำการเย็บ FIX หางคิ้วติดกับเยื่อหุ้มกระดูก (Periosteum) บริเวณหางคิ้ว   เพื่อป้องกันการคิ้วตก (Browpexy) ในอนาคตอีกด้วย
  7. แพทย์จะเย็บปิดแผล 2 ชั้น ชั้นในเป็นไหมละลาย ชั้นนอกจะเป็นไหมไม่ละลาย (ตัดไหม 7-10 วัน)

ระยะเวลาการผ่าตัด

ใช้เวลา 1 ถึง 3 ชั่วโมง

การใช้ยาระงับความรู้สึก

ยาชา Block เส้นประสาทเฉพาะที่

เหมาะกับใคร

  1. คนที่มีอายุ 30 กว่าปีขึ้นไป (ในกรณีอายุมากกว่า 50 ปีหรือเคสที่มีความหย่อนของผิวหนังบริเวณขมับและหน้าผากมาก  อาจพิจารณาทำร่วมกับการผ่าตัดดึงขมับ ดึงคิ้วและดึงหน้า   ก็จะทำให้ได้ผล   ใบหน้าองค์รวมดูอ่อนกว่าวัยยิ่งขึ้นไปอีก)
  2. คิ้วไม่ตกมากเกินไป (Non Severe Brow Ptosis) มีระยะห่างระหว่างคิ้วและของหนังตาบนพอสมควร (ถ้ากรณีคิ้วตกมากเกินไป อาจพิจารณาผ่าตัดดึงคิ้ว Forehead Lifting แทนจึงจะเห็นผลชัดเจนกว่า)
  3. คนที่มีปัญหาหนังตาบนค่อนข้างตกมาก ทำให้ตัวเองแลดูเศร้าหมอง ไม่สดชื่น โหงวเฮ้งไม่ดี (Lateral Hooding)   ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยังไม่เคยทำตาบน / ตาสองชั้นมาก่อน (Primary Surgery) หรือเคยทำมาแล้ว (Secondary Surgery)
  4. คนที่อยากได้หรือชอบตาสองชั้นที่สวย เป็นธรรมชาติ (Natural Lid Crease / Double Fold หรือ ชอบตาสองชั้นตัวเองอยู่แล้ว แต่เพียงแค่ต้องการแก้ไขปัญหาหนังตาตกของตัวเองเฉย ๆ )
  5. คนที่มีปัญหาจากการสักคิ้ว (Unwanted / Unnatural Eyebrow tattoo) ไม่ว่าจะสักชั่วคราวหรือถาวรมาก็ตาม เช่น สักหนา/สูงเกินไป สักคิ้วไม่ได้รูปทรง เป็นต้น   ซึ่งเป็นปัญหาที่หมอเจอเคสแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ    เนื่องจากหลายคนที่ออกแบบและสักคิ้วด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสมกับสรีระและกายวิภาคของตนเองมาก่อนครับ    และกรณีที่สักคิ้วถาวร (Permanent Eyebrow Tattoo) มาสูงเกินจริงมาก่อน ก็จะเลือกการดึงคิ้วขึ้นแบบอื่น ๆ เช่น ดึงขมับ (Temporal Brow Lift) และดึงคิ้ว (Forehead Lift) ทั้งแบบ Traditional และ Endoscopic Suspension ไม่ได้เพราะยิ่งทำให้หางคิ้วชี้โด่มากเกินไป   และดูไม่เป็นธรรมชาติ   หางคิ้วสูงกว่าหัวคิ้วเหมือนคิ้วคนขี้โกงหรือคิ้วกังฉิน

5 เหตุผล
ทำไมต้องเลือกยกหางตา ด้วยเทคนิคหมอกร

  1. แนวการดึงด้วยเทคนิคหมอกร ทำให้กรอบตาและหางคิ้วเฉี่ยว แต่กรอบตาไม่รีเล็กลง เหมือน Foxy Eyes 
  2. เทคนิคหมอกร มีการ Design ให้เข้ากับคิ้วและชั้นตาของแต่ละบุคคล 
  3. เทคนิคหมอกรมีการตกแต่งแก้ไขรูปทรงของคิ้วเดิม และ/หรือ คิ้วที่สักมาไม่สวย ในคราวเดียวกัน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาไปลบรอยสัก 
  4. เทคนิคหมอกร มีการตัดแต่งกล้ามเนื้อบริเวณหางคิ้ว ทำให้ผลของการยกหางคิ้ว ดีกว่าเทคนิคทั่วไปแถม ลดค่าใช้จ่ายในการฉีดโบฯ บริเวณตีนกาในอนาคตอีกด้วย 
  5. เทคนิคหมอกร มีผลพลอยได้ คือ หลังทำ Subbrow Lift แล้วจะได้ตา 2 ชั้น สวย แบบธรรมชาติหรือ คนที่มีชั้นตาสวยอยู่แล้วจะไม่เสียรูปทรงเดิม

ข้อดีของวิธีผ่าตัดเทคนิคนี้

  1. แผลซ่อนอยู่ใต้คิ้วพอดี เรียบเนียน
  2. ช่วยแก้ไขปัญหาการสักคิ้วที่ไม่ชอบทั้งรูปทรงและความหนาของรอยสักได้ดี โดยไม่ต้องเลเซอร์ลบหรือสักกลบให้เสียค่าใช้จ่ายและเวลา
  3. ได้ตา 2 ชั้นแบบธรรมชาติ
  4. ช่วยยกหางคิ้วได้สวยพอดี
  5. ป้องกันคิ้วตกได้อีกด้วย
  6. สามารถทำร่วมกับการฉีดไขมัน (Fat Graft) แก้ไขตาโบ๋ลึกได้อีกด้วย

เหมาะกับเพศไหนบ้าง

  • Subbrow Lift สามารถทำได้ผลดีทั้งเพศชายและเพศหญิง
ศัลยกรรมตา 2 ชั้น แบบยกหางคิ้วและแผลใต้คิ้ว
ศัลยกรรมตา 2 ชั้น แบบยกหางคิ้วและแผลใต้คิ้ว

ทำไมจึงเหมาะสมกับคนเอเชียตะวันออก

ชาวเอเชียมีสรีระและกายวิภาคบริเวณหนังตา (Upper eyelid) , เบ้าตา (Orbital) และคิ้ว (Eyebrow) เหมาะสำหรับการทำ Subbrow Lift มากกว่าชาวตะวันตก Caucasian

ควรทำก่อน / หลังการสักคิ้ว

สามารถทำได้ทั้งก่อนและหลังการสักคิ้ว  

  1. ทำก่อนการสักคิ้ว
    ถ้าจะทำก่อนสักคิ้ว ควรจะต้องสักจากช่างที่มีความชำนาญและเข้าใจสรีระและกายวิภาคของคิ้วและกระดูกขอบบนเบ้าตาเป็นอย่างดี (Superior Orbital Rim) และสามารถออกแบบคิ้วได้อย่างเหมาะสมกับโครงสร้างของตัวเอง  
  2. ทำหลังการสักคิ้ว
    ในกรณีที่สักคิ้วมาก่อนก็สามารถที่จะผ่าตัดแบบ Subbrow Lift ได้เลย โดยไม่ต้องลบรอยสักมาก่อนการผ่าตัด (Tattoo Removal) เพราะบางครั้งแพทย์สามารถตกแต่งทรงคิ้วที่ไม่พึงประสงค์ได้ในเวลาเดียวกัน (Browplasty)

วิธีการดูแลหลังการผ่าตัด

  1. ยารับประทาน รับประทานยาแก้อักเสบตามแพทย์ระบุอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อและแผลเป็น      ถ้ายาชาหมดฤทธิ์จะรู้สึกปวดส่วนที่ทำศัลยกรรม    ให้ทานยาแก้ปวดที่ทางคลินิกจัดให้ คือ Tylenol (500 mg) 2 เม็ดเวลาปวด  สามารถทานซ้ำได้ทุก 4 – 6 ชั่วโมง   และรับประทานยาลดบวม 2 เม็ด หลังอาหารเช้าวันรุ่งขึ้น ควรรับประทานหลังอาหารทันทีและดื่มน้ำตาม 2 แก้ว เพื่อป้องกันการระคายเคืองกระเพาะอาหาร (กรณีบวมมากแพทย์อาจจัดยาลดบวมทานเพิ่มอีก 2 มื้อ)
  2. ยาขี้ผึ้งป้ายแผลเพื่อป้องกันแผลอักเสบติดเชื้อ ทำให้แผลติดเร็วและป้องกันแผลเป็น (เป็นยาชนิดเดียวกันกับยาป้ายตา)
  3. ใช้ cotton bud ป้ายบริเวณแผลหลังทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือเอาคราบน้ำเหลือง และเลือดออก ในช่วง 3 วันแรกควรป้ายบ่อย ๆ (4 – 6 ครั้งต่อวัน) หลังจากนั้นป้ายต่ออีกวันละ 3 – 4 ครั้ง จนกระทั่งตัดไหม และหลังตัดไหมป้ายวันละ 2 ครั้งไปอีก 1 สัปดาห์
  4. ช่วงแรก ๆ (1 – 2 สัปดาห์) อาจมีอาการหลับตาไม่สนิท หรือรู้สึกเคืองตา โดยเฉพาะการผ่าตัดแก้หนังตาตกทั้งนี้เนื่องจากอาการบวมของเนื้อเยื่อหลังการผ่าตัด ซึ่งอาการดังกล่าวจะค่อยๆ หายไปเอง