การแก้ไขยกมุมปาก (Mouth Corner Lift) เป็นอีกหนึ่งหัตถการยอดฮิตของสาว ๆ ช่วยให้รอยยิ้มมีเสน่ห์ขึ้น ไม่ดูเศร้าหมอง
วันนี้หมอจะมาอธิบายวิธีการยกมุมปากแบบต่าง ๆ เพื่อให้คนไข้ได้เข้าใจถึงความแตกต่างของแต่ละวิธีกันนะครับ เริ่มกันเลยนะครับ เราจะแบ่งการยกมุมปากออกเป็น 2 วิธีหลัก ๆ คือ
1.การยกมุมปากโดยไม่ผ่าตัด (Non-Surgical Method)
วิธีการนี้เราอาศัยการฉีดสารเติมเต็มจำพวก (Filler) เพื่อยกมุมปากหรือการร้อยไหมเพื่อยกมุมปากขึ้น วิธีการยกมุมปากโดยไม่ผ่าตัดนี้ เหมาะสำหรับเคสที่มุมปากตกเล็กน้อย หรือปกติ เนื่องจากผลลัพธ์การยกเหล่านี้ได้ไม่มาก ต้องเลือกเคสที่เหมาะสม จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ก็มีข้อดีที่ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการผ่าตัด หรือไม่มีเวลาพักฟื้น
1.1.การยกมุมปากโดยการฉีดฟิลเลอร์ (Filler Injection)
การยกมุมปากโดยการฉีดฟิลเลอร์ (Filler Injection) ที่เรียกว่า Hyaluron นะครับ ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ทางการแพทย์นะครับ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสะดวก ไม่ต้องการพักฟื้น และยอมรับสารสังเคราะห์ทางการแพทย์ได้
และก็คำถามที่คนไข้ถามหมอมากเลยนะ ว่าคุณหมอฉีดแล้ว เนี่ยจะอยู่ได้นานแค่ไหน อันนี้หมอก็จะตอบไปเลยนะครับว่า ขึ้นอยู่กับขนาดโมเลกุลนะครับ และก็เทคโนโลยีในการผลิตของแต่ละบริษัท แต่ละยี่ห้อนะครับ ว่าเป็นอย่างไรบ้างนะครับ โดยปกติ Filler หรือว่า Hyaluron ที่มีขนาดเล็ก ก็จะดูเรียบเนียนนะครับ แต่ก็จะอยู่ได้สั้นนะ อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนนะครับ แต่ถ้าเกิดว่าเป็นโมเลกุลที่ขนาดใหญ่ ก็จะอยู่ได้นานขึ้น แต่ยังไงก็ตามถ้าเป็นขนาดใหญ่อาจจะทำให้ดูเป็นก้อนมากขึ้น
ส่วนของคนที่ไม่ชอบสารนอกร่างกาย อยากใช้ของตนเอง หมอแนะนำว่าเราสามารถใช้การเติมไขมันต้นเอง(Autologous Fat Graft ) แทนฟิลเลอร์ได้เช่นกัน
1.2.การยกมุมปากโดยการร้อยไหม (Thread Lifting)
การยกมุมปากโดยการร้อยไหม (Thread Lifting) อาศัยการร้อยไหมในชั้นไขมันติดกับชั้นกล้ามเนื้อ SMAS โดยร้อยปลายไหมที่มีเงี่ยงไปเกี่ยวกับชั้นกล้ามเนื้อใกล้บริเวณมุมปาก แล้วดึงขึ้น
วิธีนี้มีข้อดี คือ ทำง่าย ไม่ต้องพักฟื้น แต่ผลลัพธ์ไม่แน่นอน และอาจไม่สมมาตรกันของสองข้างได้สูง เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการยกของไหมที่ร้อยไป เช่น ความหย่อนคล้อยของแก้มและร่องแก้ม ไขมันกระพุ้งแก้มที่ไหลตัวลงมา พังผืดจากซิลิโคนเหลวที่เคยฉีดบริเวณร่องแก้ม รวมถึงขนาดและลักษณะเส้นไหม ความชำนาญของแพทย์ที่ร้อยไหม รวมไปถึงการดูแลปฏิบัติตัวหลังร้อยไหม
จะเห็นได้ว่าผลลัพธ์อยู่ได้นานแตกต่างกันในแต่ละเคส ตั้งแต่ 1 เดือน – 1 ปี ตามปัจจัยข้างต้น ไม่ใช่ตามอายุเส้นไหมเพียงอย่างเดียวตามที่โฆษณากันนะครับ
2.การยกมุมปากโดยการผ่าตัด (Surgical Mouth Corner Lifting)
สำหรับวิธีนี้ เหมาะสำหรับเคสที่มุมปากตกค่อนข้างมาก และต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน ในส่วนของวิธีผ่านะครับ จะมีหลากหลายเทคนิคมาก แต่จะแบ่งกลุ่มง่าย ๆ ได้ดังนี้
2.1 การผ่าตัดโดยการตัดผิวหนังออกเพียงอย่างเดียว
เทคนิคเหมาะสำหรับเคสที่ต้องการผลลัพธ์การยกไม่มาก โดยแพทย์จะผ่าตัดผิวหนังมุมริมฝีปากบน ทั้ง 2 ข้าง แล้วเย็บแผลเข้าหากัน วิธีนี้ทำได้ง่าย มีความซับซ้อนน้อย แต่ผลลัพธ์การยกจะสู้การผ่าตัดแบบอื่น ๆ ไม่ได้ครับ
2.2.การผ่าตัดโดยการเย็บยกกล้ามเนื้อมุมปากร่วมกับการผ่าตัดผิวหนัง
วิธีนี้จะผ่าตัดลงลึกกว่าวิธีแรก โดยมีการตัดต่อกล้ามเนื้อมุมปาก เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งการเกาะของกล้ามเนื้อ ร่วมกับการตัดตกแต่งผิวหนังมุมปาก มีความซับซ้อนกว่าวิธีแรก ผลลัพธ์การยกได้มากกว่าการตัดผิวหนังเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ผู้ผ่าตัดที่มากกว่า
2.3.การผ่าตัดยกมุมปากโดยอาศัยการผ่าตัดดึงหน้า
การยกมุมปากวิธีนี้เหมาะสำหรับเคสที่มุมปากตกค่อนข้างเยอะ ร่วมกับมีใบหน้าหย่อนคล้อยร่วมด้วย เป็นการผ่าตัดยกมุมปากที่ได้ผลดึงที่สุด การผ่าตัดดังหน้าเพื่อยกมุมปากสามารถทำได้ 2 แบบนะครับ
แบบแรกอาศัยการผ่าตัดดึงหน้าในชั้นลึก (Deep Plane Facelift) เพื่อดึงมุมปากขึ้น แบบที่สองอาศัยการผ่าตัดดึงหน้าส่วนกลางใต้ตาในชั้นลึกใต้เยื่อหุ้มกระดูก (Subperiosteal Midface Lift Surgery)
แบบที่สองนี้หมอจะเปิดแผลบริเวณใต้ตา มักทำร่วมกับการผ่าตัดเก็บถุงใต้ตา โดยจะเลือกการผ่าตัดวิธีไหนตามความเหมาะสมในแต่ละเคสครับ จะเห็นว่าการผ่าตัดยกมุมปากโดยการดึงหน้า เป็นการผ่าตัดในชั้นลึก มีการตัดแต่งกล้ามเนื้อใบหน้าและเส้นเอ็นยึดใบหน้า แล้วดึงขึ้นเพื่อขึงในตำแห่งใหม่ จึงทำให้ผลลัพ์การยกมากกว่าและอยู่ได้นานกว่าการผ่าตัด 2 วิธีแรกอย่างมาก แต่ต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์ผู้ผ่าตัดมากกว่าวิธีอื่น ๆ พอสมควรครับ
