เมื่อคนเราอายุเพิ่มมากขึ้น ไขมัน เนื้อเยื่อคอลลาเจน และไฮยาลูรอนใต้ผิวหนังจะมีปริมาณลดลง ส่งผลให้เกิดริ้วรอยแห่งวัยตามมา เช่น ขมับตอบ หน้าผากตอบ คางร่น หรือรอยตีนกา ยิ่งในผู้ที่ไม่ค่อยดูแลตนเอง พักผ่อนน้อย สูบบุหรี่เป็นประจำ มีความเครียดสะสม หรือได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ ก็อาจทำให้ปัญหาเหล่านี้เกิดได้เร็วและรุนแรงมากขึ้นจนทำให้ดูแก่กว่าวัยอันควร
สำหรับใครที่มีปัญหาหน้าผากเกิดรอยพับเป็นจีบ รอยย่นที่หน้าผาก คิ้วตก หรือมีระยะห่างระหว่างไรผมถึงคิ้วกว้างขึ้น แล้วกำลังมองวิธีแก้ปัญหาอยู่ ในบทความนี้ ดร.กร เอสเทติค คลินิก (Dr.Gorn Aesthetique) จะมาแนะนำ “ฉีดไขมันหน้าผาก” หนึ่งในวิธีการเติมเต็มใบหน้าทางการแพทย์ยอดนิยมที่ช่วยเติมเต็มใบหน้าให้อิ่มเอิบ สดใส และอ่อนกว่าวัยมากยิ่งขึ้น ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกอย่างเห็นผล แถมผลลัพธ์อาจอยู่ได้นานตลอดชีวิต จะน่าสนใจแค่ไหนนั้น ไปดูกัน
ฉีดไขมันหน้าผาก คืออะไร?
การฉีดไขมันที่หน้าผาก คือ การดูดไขมันบริเวณอื่นของร่างกาย เช่น ท้องน้อย สะโพก ต้นขาด้านนอก ต้นขาด้านหน้า หรือต้นขาด้านในด้วยหัวดูดขนาดเล็ก มีรอยแผลขนาดประมาณ 2 มิลลิเมตรเท่านั้น หลังจากนั้นจะนำไปปั่นแยกสิ่งเจือปนจนได้เซลล์ไขมันบริสุทธิ์ หรือที่เรียกว่า “Fat Graft” แล้วนำมาฉีดที่หน้าผากเพื่อแก้ปัญหาหน้าผากแบน หรือแก้ขมับตอบ มองเห็นเป็นรอยบุ๋ม โดยไขมันที่ฉีดเข้าไปจะช่วยเพิ่มความนูนของหน้าผาก หรือช่วยเติมขมับที่ตอบให้ดูตื้นขึ้น
การฉีดไขมันบริเวณหน้าผากนั้น จัดอยู่ในกลุ่มการเติมเต็มใบหน้าทางการแพทย์ (Facial Volumization) ซึ่งประกอบไปด้วย 3 กลุ่มหลัก ๆ คือ การผ่าตัดเสริมวัสดุทางการแพทย์ (Facial Implant) การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) และการฉีดไขมันตัวเอง (Autologous Fat Graft / Fat Transfer) นั่นเอง
ข้อดีของการฉีดไขมันหน้าผาก
- เกิดโอกาสแพ้ได้น้อยมากที่สุด เนื่องจากเป็นไขมันจากร่างกายของตนเอง
- มีราคาประหยัดกว่าการฉีดฟิลเลอร์ เพราะไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำ โดยในรายที่ติด Take Graft ซึ่งหมายถึง ร่างกายสามารถสร้างเส้นเลือดใหม่เล็ก ๆ เพื่อส่งเลือดและอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์ไขมันได้อย่างสมบูรณ์ ผลลัพธ์ของการฉีดไขมันที่หน้าผากจะอยู่รอดได้ตลอดชีวิต
- ช่วยลดปริมาณไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ดูดไขมันออกมาใช้
- ช่วยแก้ปัญหาหน้าผากแบน ขมับตอบ มองเห็นเป็นรอยบุ๋ม ริ้วรอยร่องลึก รอยย่นที่หน้าผาก หรือคิ้วตก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสียของการฉีดไขมันหน้าผาก
- มีแผลผ่าตัดเพิ่ม 1 จุด บริเวณที่ทำการดูดไขมัน จึงทำให้ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าการฉีดฟิลเลอร์
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ผอมมาก หรือมีไขมันในร่างกายน้อย
- การฉีดไขมันจะมีโอกาสที่ไขมันส่วนหนึ่งฝ่อ หรือตายลงได้ ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละบุคคล ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะทราบว่ามีเซลล์ไขมันรอดเท่าไร ประมาณ 6 เดือน หลังฉีดไขมันที่หน้าผาก
- อาจจำเป็นต้องฉีดไขมันบริเวณหน้าผาก 2 – 3 ครั้งถึงจะได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ เนื่องจากการฉีดไขมันที่หน้าผากแต่ละครั้งจะมีเซลล์ไขมันบางส่วนตายไป
- ไม่สามารถนำไขมันของคนอื่นมาฉีดได้ เพราะอาจทำให้เกิดการต่อต้านของร่างกาย
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการฉีดไขมันหน้าผาก ฉีดฟิลเลอร์ และการเสริมวัสดุทางการแพทย์
สำหรับคนที่มีความสงสัยว่า การเติมหน้าผากด้วยวิธีการฉีดไขมัน ฉีดฟิลเลอร์ และการเสริมวัสดุทางการแพทย์มีความแตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกทำแบบไหนดี ดร.กร เอสเทติค คลินิก ได้สรุปข้อมูลสั้น ๆ มาไว้ที่นี่แล้ว ดังนี้
- การฉีดไขมันที่หน้าผาก : การดูดไขมันส่วนอื่นมาปั่นให้ได้ Fat Graft แล้วนำมาฉีดที่หน้าผาก มีโอกาสเกิดการแพ้ได้น้อยเพราะเป็นไขมันของตนเอง และเมื่อไขมันกลายเป็น Take Graft แล้ว จะสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต ไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ
- การฉีดฟิลเลอร์ : การฉีดสารเติมเต็มผิวที่สังเคราะห์มาจากไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ “HA” มีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้เอง สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที แต่มีราคาที่ค่อนข้างสูง และอยู่ได้ประมาณ 6 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์
- การเสริมวัสดุทางการแพทย์ : การผ่าตัดเสริมวัสดุทางการแพทย์เข้าไปในหน้าผาก เช่น Silicone Sheet , Gortex หรือ Medpor มีความยุ่งยากกว่าวิธีอื่น ๆ ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นที่นานกว่า และมีความธรรมชาติน้อยกว่า แต่ให้ผลลัพธ์ถาวรเหมือนกับการผ่าตัดเสริมจมูก หรือเสริมคาง
ฉีดไขมันหน้าผากที่ ดร.กร เอสเทติค คลินิก ดีอย่างไร?
การฉีดไขมันบริเวณหน้าผากที่ ดร.กร เอสเทติค คลินิก แพทย์จะวิเคราะห์โครงหน้า สภาพผิวพรรณ และประเมินปัญหาโดยละเอียด พร้อมแจ้งข้อดี – ข้อเสียของการฉีดไขมันที่หน้าผากอย่างตรงไปตรงมา ผู้เข้ารับบริการจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ดร.กร เอสเทติค คลินิก ยังมีบริการเก็บไขมัน (Fat Graft Banking) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งสามารถนำไปฉีดบริเวณอื่น ๆ บนใบหน้า หรือเก็บไว้ฉีดไขมันที่หน้าผากในครั้งต่อไป โดยที่ไม่ต้องดูดไขมันบ่อย ๆ ด้วย อีกทั้งยังมีการตรวจติดตามผลการฉีดไขมันที่หน้าผากเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจและปลอดภัยที่สุด
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดไขมันบริเวณหน้าผาก
- แจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบโดยละเอียด ทั้งอาการแพ้ยา โรคประจำตัว ประวัติการผ่าตัด รวมถึงยา และอาหารเสริมที่กำลังรับประทานอยู่เป็นประจำ
- งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น ยาแอสไพริน (Aspirin) ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) รวมถึงวิตามินเอ อี ซี สมุนไพรต่าง ๆ โสม ใบแป๊ะก๊วย น้ำมันปลา ก่อนเข้ารับการฉีดไขมันที่หน้าผาก 2 สัปดาห์
- งดการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้ารับการฉีดไขมันที่หน้าผากอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ไม่จำเป็นต้องงดอาหารก่อนเข้ารับการฉีดไขมันที่หน้าผาก
ควรสระผมและทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยก่อนเข้ารับการฉีดไขมันที่หน้าผาก
ขั้นตอนการฉีดไขมันบริเวณหน้าผากที่ ดร.กร เอสเทติค คลินิก
การฉีดไขมันบริเวณหน้าผากที่ ดร.กร เอสเทติค คลินิก แพทย์จะนัดหมายให้ผู้ที่ต้องการเข้ารับบริการ เพื่อประเมินใบหน้า วางแผนการรักษา และออกแบบใบหน้าว่าจะต้องเติมเต็มหน้าผากอย่างไรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยในบางรายอาจมีการเพิ่มเทคนิคต่าง ๆ เพื่อเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเซลล์ไขมันมากขึ้นด้วย
ขั้นตอนการฉีดไขมัน มีดังนี้
- นัดหมายแพทย์เพื่อประเมินใบหน้า และวางแผนการฉีดไขมันที่ไลน์ @dr.gornaesthetique
- แพทย์ทำการตรวจโครงหน้า สภาพผิวพรรณ และประเมินปัญหาโดยละเอียด พร้อมวางแผนเทคนิคการรักษาที่เหมาะสมกับคุณที่สุด และประเมินราคา
- คนไข้เข้าฉีดไขมันที่หน้าผากในวันที่แพทย์นัดหมาย
- แพทย์ดูดไขมันจากบริเวณอื่นของร่างกาย เช่น ท้องน้อย ต้นขาด้านนอก ต้นขาหน้า หรือต้นขาด้านใน ด้วยเทคนิค Tumescent Technique ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถป้องกันการติดเชื้อและอาการปวดได้ดี และแผลหายเร็ว
- นำไขมันที่ได้ไปปั่นแยกเพื่อเอาสิ่งเจือปนออกจนได้ไขมันที่บริสุทธิ์ หรือ Fat Graft
- แพทย์นำ Fat Graft มาฉีดเติมเต็มใบหน้าในส่วนที่ต้องการ
- ในบางรายอาจมีการเสริมเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเซลล์ไขมัน เช่น ฉีด PRP หรือฉีดโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum toxin)
- นัดตรวจติดตามผลการรักษา
การดูแลตนเองหลังเข้ารับการฉีดไขมันบริเวณหน้าผาก
- งดการนวดหน้า ทาครีม และโลชั่น หลังฉีดไขมันที่หน้าผาก 24 ชั่วโมง
- สามารถใช้เจลเย็นประคบเพื่อลดอาการบวมได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อาการบวมจะค่อย ๆ ลดลงภายใน 72 ชั่วโมงหลังฉีดไขมันที่หน้าผาก
- นอนหมอนสูงในช่วง 2 – 3 วันแรก เพื่อลดอาการบวม
- งดการสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เซลล์ไขมันฝ่อมากขึ้น และเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเกิดอาการบวมได้นานกว่าปกติ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด อาหารร้อน และอาหารหมักดอง ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีดไขมันที่หน้าผาก
- หลีกเลี่ยงการซาวน่า ว่ายน้ำ และออกกำลังกายหนัก ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีดไขมันที่หน้าผาก
- ติดพลาสเตอร์บริเวณรูเข็มที่ฉีดไขมัน 1 วัน หลังจากนั้นให้แกะออกแล้วทาขี้ผึ้งทาแผลที่ทางคลินิกได้จัดไว้ให้ 1 สัปดาห์
- รับประทานยาฆ่าเชื้อตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
รวมรีวิวฉีดไขมันหน้าผากที่ ดร.กร เอสเทติค คลินิก
ดูรีวิวเพิ่มเติม : รวมรีวิวเติมไขมันหน้าเด็ก ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
สนใจฉีดไขมันที่หน้าผาก ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญออนไลน์ได้ฟรีที่ไลน์ @dr.gornaesthetique
ผลลัพธ์ของการฉีดไขมันที่หน้าผาก อยู่ได้กี่ปี?
ผลลัพธ์ของการฉีดไขมันที่หน้าผากจะขึ้นอยู่กับว่าเซลล์ไขมันที่ฉีดไปนั้นสามารถอยู่รอดหรือเปล่า โดยทั่วไปแล้วจะเห็นผลชัดเจนภายในระยะเวลา 6 เดือน หากเซลล์ไขมันอยู่รอดแล้วกลายเป็น Take Graft ผลลัพธ์ของการฉีดไขมันก็จะอยู่รอดได้ตลอดชีวิต
สรุปการฉีดไขมันหน้าผาก
การฉีดไขมันบริเวณหน้าผาก เป็นหนึ่งในวิธีเติมเต็มใบหน้าที่มีประสิทธิภาพ สามารถช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องลึก และรอยย่นที่หน้าผากได้อย่างเห็นผล มีความปลอดภัยสูง และเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ได้น้อย เนื่องจากใช้ไขมันจากร่างกายของตนเอง อย่างไรก็ตาม การฉีดไขมันที่หน้าผากมีโอกาสที่เซลล์ไขมันจะตาย หรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ หากปั่นแยกเซลล์ไขมันไม่บริสุทธิ์ตามมาตรฐาน หรือไม่ดูแลตนเองตามคำแนะนำของแพทย์ ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ต้องการฉีดไขมันที่หน้าผากจึงควรศึกษารายละเอียดและเลือกฉีดไขมันหน้าผากกับคลินิก หรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
สำหรับผู้ที่สนใจฉีดไขมันบริเวณหน้าผาก หรือส่วนอื่น ๆ บนใบหน้า ที่ ดร.กร เอสเทติค คลินิก สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญออนไลน์ได้ฟรีที่ไลน์ @dr.gornaesthetique พร้อมให้บริการทั้ง 3 สาขา ทั้งกรุงเทพมหานคร น่าน และพิษณุโลก ดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าโดยตรงที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี