การเสริมคางเป็นการปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย เนื่องจากช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูยาวมีมิติ ดูเรียวขึ้นได้ เสริมสร้างความมั่นใจในบุคคลิก
ในปัจจุบันการปรับรูปทรงคางได้มีการพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ มากมาย ทั้งการใช้วัสดุสังเคราะห์(Artificial Materials) หรือวัสดุจากเนื้อเยื่อตนเอง (Autologous Tissue)
ใครบ้างที่ควรเสริมคาง ?
- คางสั้นไม่ได้สัดส่วน(Inappropiated facial ratio) คางเล็ก(Small chin)และหุบเข้าด้านหลัง(Receding chin)
- คางเหลี่ยม(Squar chin) คางบุ๋ม(Dimple chin)
- คางใหญ่เกินไป(Large chin)
- จมูกดูยื่นยาวมากเกินไม่ได้สัดส่วนกับคาง
- คางผิดรูปกหลังเกิดอุบัติเหตุมา (Traumatic deformity chin)
- เคสอายุมากที่มีภาวะผิวหนังใต้คางหย่อนหรือมีเหนียง
การปรับรูปทรงหรือเสริมคางมีกี่วิธี
การปรับรูปทรงคางนั้น ในปัจจุบันมีหลากหลายวิธีทั้งแบบผ่าตัด กึ่งผ่าตัดหรือไม่ผ่าตัดเลย นอกจากนี้วัสดุที่ใช้ในการปรับแต่งรูปทรงคางยังมีทั้งจากร่างกายตนเอง (Autologous tissue) หรือวัสดุสังเคราะห์ทางการแพทย์ (Medical synthetic materials)
1.การเสริมคางแบบไม่ผ่าตัด
การเสริมคางแบบไม่ผ่าตัด (Non Surgical Chin Augmentation) หรือกึ่งผ่าตัด (Semi-Surgery) เทคนิคนี้ เหมาะสำหรับเคสที่ต้องการเพิ่มความยาว(Elongation)และโพรเจกชั่น(Projection)ไม่มาก โดยปกติไม่เกิน 1 เซ็นติเมตรหรือใช้ในเคสที่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น โดยปัจจุบันวัสดุที่นิยมใช้ในเทคนิคนี้ คือ การเติมฟิลเลอร์ (Filler) ซึ่งมีหลากหลายชนิด หลายยี่ห้อ หลากหลายราคา และการคงสภาพของฟิลเลอร์ก็แตกต่างกันในแต่ละแบบ ให้เลือกตามต้องการ ในปัจจุบันนิยมใช้ฟิลเลอร์ที่สามารถสลายตัวได้ จำพวกสาร Hyaluron ซึ่งเป็นสารที่ผมในชั้นผิวของเรา อายุการสลายขึ้นอยู่กับขนาดโมเลกุล และเทคโนโลยีการผลิตแต่ละบริษัท โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วง 4-18 เดือน
สำหรับเคสที่ไม่อยากใช้ของนอกร่างกาย แต่ไม่อยากผ่าตัดเยอะ ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคนิคการเติมไขมันบริเวณคาง (Chin augmentation with fat graft transfer) ช่วยให้คางดูยาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งทั้งการเติมฟิลเลอร์คางและการฉีดไขมันที่คางมีทั้งข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ตามตารางด้านล่าง
ข้อเปรียบเทียบ | การฉีดฟิลเลอร์คาง | การเติมไขมันคาง |
---|---|---|
ความยาก/ง่ายในการทำ | ง่าย ใช้เวลาไม่นาน | ยากกว่า ใช้เวลานานกว่า |
ความเป็นธรรมชาติ | ไม่แตกต่าง แต่หากฉีดเยอะ อาจดูเป็นก้อนมากกว่า | ไม่แตกต่างกัน แต่เวลาจับแล้วจะนิ่มมากกว่า |
โอกาสแพ้ | มีโอกาสแพ้ได้ | ไม่มี |
ความคงทน | ตามอายุฟิลเลอร์ | มีโอกาสสลายได้ในช่วงแรก แต่หากไขมันมีการติดแล้วจะอยู่ได้นานกว่า |
โอกาสเกิดรอยแดงหรือผิวหนังอักเสบถ้าฉีดชั้นตื้น | มีได้และพบบ่อย | ไม่มี |
การพักฟื้น | ไม่ค่อยบวม ไม่ต้องพักฟื้น | มีอาการบวมมากกว่า พักฟื้นประมาณ 2-3 วัน |
2.การเสริมคางโดยการผ่าตัด
การเสริมคางโดยการผ่าตัด(Surgical chin augmentation) เป็นการปรับแต่งรูปทรงคางโดยการผ่าตัด เหมาะสำหรับเคสที่ต้องการเพิ่มความยาวคาง เพิ่มโพรเจกชั่นคางมากกว่า 1 cm หรือในเคสที่คางหดถอยเข้าไปลึก หรือในเคสที่คางยื่นและมีขนาดใหญ่เกินไป สามารถแบ่งตามวัสดุที่ใช้ในการเสริมได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่
2.1.การเสริมคางโดยใช้วัสดุสังเคราะห์ทางการแพทย์
การเสริมคางโดยใช้วัสดุสังเคราะห์ทางการแพทย์( Medical artificial materials) ในปัจจุบันวัสดุที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในไทยและต่างประเทศ คือ การเสริมคางด้วยซิลิโคน (Silicone)
นอกจากนี้ยังมีการใช้วัสดุพวกสาร Medpor สาร PCL หรือสาร PEEK ขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์สามมิติ แต่ยังมีการใช้ในวงจำกัดเนื่องจากมีราคาค่อนข้างสูง โดยเทคนิคการผ่าตัดเสริมคางโดยซิลิโคนสามารถผ่าตัดได้ทั้งแผลนอกและแผลใน แต่จะมีข้อจำกัดแตกต่างกัน (อ่านเพิ่มเติม เทคนิคเสริมคางแผลนอก vs แผลใน)
2.2.การเสริมคางโดยใช้วัสดุจากร่างกายตนเอง
การเสริมคางโดยใช้วัสดุจากร่างกายตนเอง (genioplasty with Autologous tissue) ปัจจุบันเทคนิคนี้ยังแบ่งเป็น 2 เทคนิคขึ้นอยู่กับจุดประสงค์การปรับแต่งและลักษณะคางของคนไข้
2.2.1. การปรับแต่งรูปทรงคางโดยการเสริมเพียงอย่างเดียว
การปรับแต่งรูปทรงคางโดยการเสริมเพียงอย่างเดียว(chin augmentation with Autologous tissue) โดยมักเลือกใช้กระดูกสะโพก(Iliac crest bone graft) หรือ กระดูกอ่อนซี่โครงในการเสริม เทคนิคนี้เหมาะสำหรับเคสที่คางไม่หดสั้นมากจนเกินไป ไม่ใหญ่หรือยื่นมาด้านหน้า และไม่อยากเสริมด้วยวัสดุสังเคราะห์
2.2.2. การปรับแต่งเลื่อนองศาและตำแหน่งกระดูกปลายคาง
การปรับแต่งเลื่อนองศาและตำแหน่งกระดูกปลายคาง(Sliding genioplasty) รวมไปถึงการลดขนาดกระดูกปลายคาง เทคนิคเหมาะสำหรับเคสที่มีคางหุบเข้าด้านในมาก หรือกระดูกบริเวณคางมีขนาดให้ หรือเคสที่มีความผิดรูปของกระดูกคางค่อนข้างมาก ไม่สามารถแก้ไขโดยวิธีอื่นๆได้ โดยเทคนิคนี้เป็นการผ่าตัดเลื่อนกระดูกคางมาทางด้านหน้า สามารถปรับแต่งองศาโพรเจกชั่นคางได้มากกว่าเทคนิคอื่นๆ มักผ่าตัดร่วมกับการผ่าตัดกระดูกขากรรไกรล่าง เพื่อลดความกว้างของใบหน้าส่วนล่าง