ส่วนวิธีรักษามีหลากหลายวิธี เช่น ปลูกผม,ทานยา, ฉีดกระตุ้นเซลล์รากผม, ใช้ยาสระผม, หรืออาจใช้ธรรมชาติบำบัดด้วยการใช้ออยนวดผมจากน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันมะกอก
แต่อย่างที่รู้กันว่าวิธีที่ดี และเห็นผลชัดเจนมากที่สุดก็ คือ การปลูกผม ซึ่งมีทั้งแบบ FUE และแบบ FUT แต่ละวิธีแตกต่างกันอย่างไร ไปกันเลยดีกว่าครับ
การปลูกผมแบบ FUE
เป็นการปลูกผมโดยใช้เครื่องมือเจาะกอรากผมเป็นจุดเล็กๆ จากบริเวณหลังศีรษะ มาคัดแยกเซลล์รากผมที่แข็งแรง และนำมาปลูกบริเวณที่ต้องการ วิธีนี้ดีตรงที่ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นที่เห็นได้ชัด แผลเล็กพักฟื้นน้อย แผลหายเร็ว
การปลูกผมแบบ FUT
เป็นการปลูกผมโดยแพทย์จะเลือกบริเวณที่มีกอรากผมแข็งแรง จากนั้นแพทย์จะทำการผ่าตัดผิวหนังออกมาเพื่อคัดเซลล์รากผมที่แข็งแรง และนำมาปลูกบริเวณที่ต้องการ วิธีนี้ดีตรงที่ถนอมเซลล์รากผมได้ดีกว่าวิธี FUE แต่รอยแผลเป็นจะเห็นเป็นรอยยาวซึ่งสามารถไว้ผมให้ยาวขึ้นเพื่อปกปิดได้
ขั้นตอนการปลูกผมแบบ FUE
- Punch Excision : เจาะเอากอรากผม (Hairgraft) ออกทีละกอ
- Graft Preparation : คัดกรองกอรากผมที่สมบูรณ์เป็น 3 ชนิด แยกตามจำนวนเซลล์ราก (Folliculus Unit) ในแต่ละกอ
- Graft Storage : นำกอรากผมแช่ในน้ำหล่อเลี้ยงเซลล์รากผมที่มีคุณภาพ
- Graft Implantation : นำกอรากผมไปปลูกบริเวณที่ศีรษะล้านหรือบริเวณที่ต้องการ
ขั้นตอนการปลูกผมแบบ FUT
- Strip Harvesting & Slivering : ตัดหนังศีรษะที่มีกอรากผมอยู่แล้วแบ่งให้ได้กอรากผมที่มีขนาดเล็กลง
- Graft Preparation : คัดกรองกอรากผมที่สมบูรณ์เป็น 3 ชนิด แยกตามจำนวนเซลล์ราก (Folliculus Unit) ในแต่ละกอ
- Graft Storage : นำกอรากผมแช่ในน้ำหล่อเลี้ยงเซลล์รากผมที่มีคุณภาพ
- Graft Implantation : นำกอรากผมไปปลูกบริเวณที่ศีรษะล้านหรือบริเวณที่ต้องการ